1 มี.ค. – แม้รัสเซียได้เปิดเจรจากับยูเครน แต่ก็ไร้ผล และยังคงรุกหนักในหลายพื้นที่และเพิ่มกองทหารมุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟ ขณะที่ทั่วโลกต่อต้านหนักขึ้นกับการรุกรานที่เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม
เข้าสู่วันที่ 6 ของสงครามยูเครน หลังจากทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนเปิดการเจรจากันที่พรมแดนของเบลารุสเมื่อวานนี้ (28 ก.พ.) แต่ล้มเหลวไป มีเพียงแต่สัญญาว่าจะเจรจากันอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ส่วนในพื้นที่สู้รบ รัสเซียยิ่งโจมตีอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะที่เมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน ใกล้พรมแดนรัสเซีย ซึ่งไม่มีที่มั่นทางการทหารใดๆ เลย แต่ทหารรัสเซียได้โจมตีใส่ชุมชนที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นอาคารอพาร์ต์เมนต์ และซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตนับสิบคน รวมถึงเด็กๆ 3 คน และที่สำคัญรัสเซียใช้อาวุธร้ายแรงที่เรียกว่า thermobaric (เทอร์โมบาริก) หรือ ระเบิดสุญญากาศกับพลเรือน ทำให้นานาชาติต่างประณามการกระทำของรัสเซีย นักวิเคราะห์หลายคนให้ความเห็นว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย มุ่งเน้นสร้างความสูญเสียในหมู่ประชาชน เพื่อให้หันไปต่อต้านและกดดันรัฐบาลยูเครน
นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้แถลงกลางดึกที่ผ่านมา เขายังชี้ว่า เชื่อใจรัสเซียไม่ได้เพราะขณะที่เปิดเจรจากันเพื่อยุติสงครามกลับฉวยโอกาสใช้อุบายโจมตียูเครนไปพร้อมๆ กัน และถือว่าเป็นอาชญากรสงคราม ซึ่งเข่นฆ่าประชาชน ดังนั้นรัสเซียจึงควรถูกตัดขาดจากโลกและแหล่งรายได้จากการค้าที่นำไปใช้เข่นฆ่าประชาชน
ขณะนี้ยูเครนได้เข้าพึ่งกระบวนการทางกฎหมายด้วย โดยได้เรียกร้องให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ดำเนินคดีกับรัสเซีย ที่ได้ยกข้ออ้างผิดๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการรุกรานยูเครน พร้อมกันนั้นศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ เริ่มกระบวนการสืบสวนแล้วว่ารัสเซียได้ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในยูเครน ซึ่งหลายชาติได้ผลักดัน จากหลักฐานชัดเจนว่ารัสเซียโจมตีพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้า รายงานของสหประชาชาติระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 102 คน
ความเคลื่อนไหวสำคัญอีกด้าน คือ การระดมกำลังทหารของรัสเซียเข้าไปจากประเทศเบลารุส ทางเหนือของยูเครน ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงภาพของกองรถทหารที่มีความยาวถึง 64 กิโลเมตร เคลื่อนตัวทางเหนือของกรุงเคียฟ ซึ่งน่าจะเป็นการเสริมกำลัง หรือเปิดการโจมตีระลอกใหม่มุ่งเข้ายึดให้ได้ หลังจากที่ผ่านมา 5 วันแล้ว ยูเครนสามารถต้านทานรักษาเมืองหลวงไว้ได้
ด้านนายปูติน ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่และผู้นำธุรกิจ เขายังคงมีท่าทีเชื่อมั่นต่อการทำสงคราม กล่าวเปิดประชุมว่า รัสเซียต้องหารือเพื่อรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการของชาติตะวันตก หรือที่เขาอยากเรียกว่า เป็นจักรวรรดิแห่งการโกหก ขณะนี้ธนาคารและสถาบันการเงินของรัสเซียหลายแห่งถูกตัดออกจากระบบสื่อสารด้านการเงินระหว่างธนาคารที่เรียกว่า ระบบ SWIFT อัตราแลกเปลี่ยนเงินรูเบิลของรัสเซียลดฮวบลง และธนาคารกลางของรัสเซียยังถูกขวางไม่ให้ใช้เงินสำรองระหว่างประเทศจำนวน ราว 630,000 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกันความช่วยเหลือจากต่างชาติยังหลั่งไหลไปยังยูเครน โดยในระดับรัฐบาล แคนาดาประกาศว่าจะส่งอาวุธต่อต้านรถถังและเครื่องกระสุนไปให้ยูเครน ส่วนออสเตรเลีย จะมอบความช่วยเหลือทางการทหารมูลค่า 50 ล้านดออลาร์สหรัฐให้ มีทั้งจรวดและกระสุน รวมทั้งความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมอีก 35 ล้านดอลลาร์ ด้านเนเธอร์แลนด์ รัฐบาลเพิ่งส่งจรวดหลายร้อยลูก และอาวุธต่อต้านรถถังไปยังยูเครน พร้อมกับเรียกร้องประเทศต่างๆ ให้ช่วยกันยุติการรุกรานของรัสเซีย
ส่วนในระดับประชาชนยังคงมีการประท้วงรัสเซีย และให้กำลังใจยูเครนอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นบางประเทศ เช่น จอร์เจีย ซึ่งเคยอยู่ร่วมในสหภาพโซเวียต เช่นเดียวกับยูเครน มีประชาชนหลายสิบคนเดินทางไปที่สถานทูตยูเครนในกรุงทบิลิซี เพื่อขอให้เกณฑ์พวกเขาเข้าร่วมกองทหารเพื่อไปช่วยยูเครนรบกับรัสเซีย บางคนเป็นชาวรัสเซียที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ก็ต้องการเข้าชื่อเพื่อช่วยเหลือยูเครนที่เป็นเพื่อนของพวกเขาเช่นกัน อาสาสมัครคนหนึ่งกล่าวว่า ต้องการร่วมสู้กับยูเครนเนื่องจากรัสเซียอาจบุกรุกจอร์เจียเช่นกัน จึงต้องการป้องกันเพื่อให้โลกนี้ปลอดภัยขึ้น . – สำนักข่าวไทย