วอชิงตัน 28 ก.พ.- เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐให้ความเห็นว่า รัสเซียอาจเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทำสงครามกับยูเครนด้วยการหันไปปิดล้อมแทน เนื่องจากเผชิญการต้านทานอย่างหนักหน่วงจากกองกำลังยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียสั่งกองกำลังนิวเคลียร์เพิ่มความเตรียมพร้อม
เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐเผยว่า สหรัฐประเมินว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายในยูเครนแล้วมากกว่า 350 ลูก ส่วนใหญ่เป็นเป้าหมายทางทหาร แต่บางลูกก็ยิงถูกโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน สหรัฐพบสัญญาณบ่งชี้เบื้องต้นในช่วงที่รัสเซียรุกเข้าเมืองเชอร์นิฮิฟ ทางเหนือของกรุงเคียฟว่า รัสเซียอาจกำลังใช้ยุทธศาสตร์การปิดล้อมที่เสี่ยงทำให้เกิดความเสียหายแบบลูกหลงต่อพลเรือนมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นวิธีการปิดเส้นทางลำเลียงสิ่งจำเป็นและเส้นทางหลบหนี แล้วเปิดการโจมตีพร้อมกันทั้งยานยนต์หุ้มเกราะ ทหารราบ และทหารช่าง
เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยด้วยว่า จนถึงขณะนี้รัสเซียยังไม่สามารถยึดเมืองใหญ่หรือควบคุมน่านฟ้าของยูเครนได้ กำลังพลรัสเซียยังคงอยู่ห่างจากใจกลางกรุงเคียฟราว 30 กิโลเมตรเป็นวันที่ 2 แล้ว และทหารที่เข้าไปในยูเครนยังมีจำนวนไม่ถึง 1 ใน 3 ของที่รัสเซียประจำการไว้ทั้งหมดรอบพรมแดนยูเครน ภาพในสื่อสังคมออนไลน์ที่เห็นรถถังของรัสเซียถูกทิ้งไว้กลางทางในยูเครนโดยคาดว่าน้ำมันหมดบ่งชี้ว่า ทหารรัสเซียไม่มีประสบการณ์เรื่องการเคลื่อนกำลังพลเข้าประเทศอื่นในสงครามที่มีความซับซ้อนและขนาดใหญ่เช่นนี้
ด้านพลเอกลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ พลเอกมาร์ก มิลลี ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐ และพลเอกท็อด โวลเตอร์ส ผู้บัญการกองกำลังยุโรปของสหรัฐได้ประชุมร่วมกันเมื่อเวลา 08:30 น.วันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเวลา 20:30 วันอาทิตย์ตามเวลาในไทย หารือเรื่องที่ผู้นำรัสเซียประกาศทางสถานีโทรทัศน์ให้กองกำลังนิวเคลียร์เพิ่มความเตรียมพร้อม.-สำนักข่าวไทย