สำรวจเส้นทางที่รัสเซียอาจใช้บุกยูเครน

ลอนดอน 24 ก.พ.- เว็บไซต์บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) สำรวจเส้นทางที่รัสเซียอาจใช้บุกยูเครน หลังจากรัสเซียสั่งทหารเข้าไปประจำการทางตะวันออกของยูเครน แต่ชาติตะวันตกเชื่อว่า รัสเซียอาจกำลังวางแผนยึดยูเครนทั้งประเทศ


บุกจากฝั่งตะวันออก (ขอบคุณภาพจาก BBC)

บีบีซีอ้างนักวิเคราะห์ทางทหารว่า กำลังพลที่รัสเซียประจำการใกล้ยูเครนรวมมากถึง 190,000 นาย ทำให้รัสเซียมีทางเลือกหลายทางหากคิดจะรุกรานยูเครน ทางเลือกแรกคือ การโจมตีจากทางฝั่งตะวันออก นายเซธ โจนส์ จากศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษาชี้ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียได้รับรองแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครนว่าเป็นรัฐอิสระ และได้สั่งให้ส่งทหารรัสเซียเข้าไปรักษาสันติภาพ หากปูตินคิดจะรุกคืบเข้าไปมากกว่านั้น อาจมุ่งหน้าไปยังเมืองดนิโปรและเมืองซาโปริชเชีย ควบคู่ไปกับการเคลื่อนกำลังพลจากเมืองรอสตอฟออนดอนของรัสเซียเข้าไปยังเมืองเมลิโตโปลของยูเครน เพื่อเชื่อมเส้นทางทางบกกับคาบสมุทรไครเมียของยูเครนที่รัสเซียผนวกเป็นส่วนหนึ่งในปี 2557 นอกจากนี้รัสเซียยังอาจให้ทหารที่ประจำการอยู่ที่เมืองเบลโกรอดมาหลายเดือนเข้าไปยึดเมืองคาร์คิฟและเมืองเครเมนชุกของยูเครน การบุกจากฝั่งตะวันออกอาจได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียในโดเนตสก์และลูฮันก์ที่คาดว่ามีประมาณมีกำลังคน 15,000 คน

บุกจากเบลารุส (ขอบคุณภาพจาก BBC)

ทางเลือกที่ 2 คือ การบุกจากเบลารุสที่อยู่ทางเหนือของยูเครน นายไมเคิล คอฟแมน จากศูนย์วิเคราะห์ทางทะเลในสหรัฐคาดว่า รัสเซียจะเลือกทางนี้หากต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบในยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ รัสเซียได้ส่งทหาร 30,000 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ไปซ้อมรบร่วมกับเบลารุส และได้ขยายระยะการซ้อมออกไปอย่างไม่มีกำหนด หากกองกำลังนี้จะมุ่งหน้าเข้ายึดกรุงเคียฟอาจหลีกเลี่ยงเขตหวงห้ามรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลที่ระเบิดใหญ่ในปี 2529


บุกจากไครเมีย (ขอบคุณภาพจาก BBC)

ทางเลือกที่ 3 คือ การรุกจากคาบสมุทรไครเมีย นายเบน แบร์รี จากสถาบันยุทธศาสตร์ศึกษามองว่า เป็นทางเลือกที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะกำลังพลรัสเซียที่รุกจากไครเมียไปยังกรุงเคียฟจะทำให้ทหารยูเครนจำนวนมากติดค้างอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำนีเปอร์ และเมื่อสมทบกับทหารรัสเซียที่บุกมาจากฝั่งตะวันตก ตะวันออกและทางเหนือ กำลังพลยูเครนก็จะถูกล้อมกรอบในที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย