วิกฤติยูเครน : รัสเซียเดินเกมรุกส่ง “กองกำลังรักษาสันติภาพ” เข้าดินแดนกบฏยูเครน

22 ก.พ. – ทั่วโลกจับจ้องตาไม่กะพริบว่าสงครามจะเกิดขึ้นหรือไม่ เมื่อรัสเซียประกาศส่งทหารเข้าไปในยูเครน จนเผชิญเสียงประณามว่า ละเมิดอธิปไตยของยูเครน


หลังจากที่เกิดความตึงเครียดมานานจากที่รัสเซียได้ระดมกำลังทหารที่ประเมินว่ามีจำนวนถึง 190,000 นาย มายังพรมแดนยูเครน พร้อมกับได้จัดซ้อมรบอย่างต่อเนื่องในหลายๆ พื้นที่โดยรอบยูเครน แต่ก็ยืนยันว่าไม่คิดบุกรุกยูเครน จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (22 ก.พ.) ตามเวลาในไทย นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้จัดประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อหารือกรณียูเครน

ปูตินพูดเลยว่า ยูเครนสร้างขึ้นมาโดยรัสเซียและไม่เคยมีสถานะเป็นประเทศอย่างแท้จริง แล้วยังกล่าวโจมตีรัฐบาลยูเครนในปัจจุบันว่าเป็นหุ่นเชิดของสหรัฐ จากนั้นเขาจึงลงนามเอกสารรับรองเอกราช 2 ดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งกลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียได้ต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนมาหลายปี ด้วยการประกาศตั้งสาธารณรัฐประชาชนโดเน็ตสก์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ เมื่อนายปูตินลงนามเอกสารนี้เท่ากับว่ารับรองให้ทั้งสองดินแดนนี้เป็นเอกราชแยกขาดจากยูเครนแล้ว


ยิ่งไปกว่านั้น นายปูตินยังได้ลงนามคำสั่งให้ส่งทหารรัสเซียเข้าไปในทั้งสองดินแดนนี้ โดยระบุว่าเป็นกองกำลังรักษาสันติภาพ ซึ่งมีผู้บันทึกภาพกองทหารรัสเซียในโดเน็ตสก์เอาไว้ด้วย ขณะเดียวกัน หลายประเทศประณามว่า รัสเซียใช้คำว่า กองกำลังรักษาสันติภาพเพื่อบังหน้าเพื่อส่งทหารบุกรุกยูเครน

สำหรับรัฐบาลยูเครนนั้น ทันทีที่นายปูตินลงนามเอกสาร นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้เรียกประชุมด้านความมั่นคง แล้วประกาศทางโทรทัศน์ว่า นายปูตินทำลายกระบวนการเจรจาทางการทูต แต่ยูเครนไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น และจะไม่ยินยอมสูญเสียดินแดนหรืออื่นใดให้ใครด้วย อย่างไรก็ตาม ยูเครนยังยึดมั่นสร้างสันติภาพด้วยวิธีทางการทูต ซึ่งได้รับแรงหนุน อย่างเต็มที่จากชาติพันธมิตร

สำหรับชาติพันธมิตรตะวันตก ต่างแสดงท่าทีต่อต้านรัสเซียในทันที โดยนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐได้โทรศัพท์หารือกับผู้นำของยูเครน เพื่อให้คำยืนยันว่าจะช่วยปกป้องอธิปไตยของยูเครน จากนั้นเขาได้ลงนามให้ใช้มาตรการลงโทษทันที แต่เป็นมาตรการเบื้องต้นที่ห้ามการค้าและลงทุนในดินแดนโดเน็ตสก์และลูฮันสก์ ที่แบ่งแยกออกจากยูเครนเท่านั้น แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สหรัฐได้ขู่รัสเซียมาโดยตลอดว่าจะเป็นมาตรการที่รุนแรงเด็ดขาด โดยคาดว่าสหรัฐจะประกาศใช้มาตรการลงโทษเต็มรูปแบบในอีกไม่นานนี้


ส่วนพันธมิตรตะวันตกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ต่างประณามการกระทำของรัสเซีย ที่เป็นการละเมิดอธิปไตยของชาติอื่น และหันหลังให้กับแนวทางทางการทูตเพื่อหาทางออก อังกฤษยังได้ประกาศจะส่งอาวุธไปช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติม ส่วนสหภาพยุโรปกำลังหารือกันถึงมาตรการลงโทษรัสเซีย คาดว่าจะประกาศออกมาภายในวันนี้

เท่าที่ผ่านมาจุดที่เกิดการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับประชาคมโลกหนักที่สุดคือ ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งได้จัดการประชุมฉุกเฉินไม่กี่ชั่วโมง หลังจากรัสเซียรับรองเอกราชของดินแดนในยูเครน ทูตของรัสเซียซึ่งเป็นสมาชิกถาวรต้องถูกตำหนิอย่างหนักโดยสหรัฐและหลายประเทศ เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น และไอร์แลนด์ เป็นต้น ส่วนจีนซึ่งใกล้ชิดกับรัสเซียมาก กล่าวเพียงว่าขอให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น นายวาซซาลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียได้ตอบโต้ว่า พื้นที่ที่ฝ่ายกบฏยูเครนครอบครองอยู่นั้นกำลังถูกรัฐบาลโจมตีอยู่ ทำให้รัสเซียนิ่งเฉยให้เกิดการนองเลือดไม่ได้ พร้อมกับเตือนชาติตะวันตกให้คิดทบทวนไม่ปล่อยให้สถานการณ์ในยูเครนเลวร้ายลงไปกว่านี้

สำหรับในโดเน็ตสก์ และลูฮันสก์ ที่กลายเป็นสมรภูมิระหว่างกองทัพรัฐบาลและกองกำลังแบ่งแยกดินแดนมานาน 8 ปี มีผู้เสียชีวิตไปแล้วราว 14,000 คน มีผู้คนบางส่วนออกมาฉลอง การที่รัสเซียรับรองเอกราชตามท้องถนน จุดพลุและโบกธงชาติรัสเซีย ผู้ที่ฝักใฝ่รัสเซียบอกว่านี่เป็นก้าวแรกที่จะได้กลับไปอยู่ร่วมกับรัสเซียอีกครั้ง

สถานการณ์ที่ขยับเข้าใกล้สงครามเช่นนี้ทำให้นักลงทุนต่างตื่นตระหนก ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียต่างลดฮวบลงทันทีที่เริ่มเปิดการซื้อขายเช้านี้ เมื่อปิดตลาด ดัชนีนิคเคอิของญี่ปุ่นลบ 1.7% ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง ลด 2.9% ดัชนี KOSPI ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ก็ปิดลดไป 1.35%

ส่วน FTSE 100 ของอังกฤษก็เปิดตลาดลดลงทันที 1.4% โดยหุ้นของบริษัทรัสเซียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นอังกฤษราว 30 บริษัทนั้น ลดต่ำลงอย่างหนัก เช่น เอฟราซ บริษัทเหล็กกล้า ลดลงเกือบ 4%

ส่วนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากความเกรงกลัวว่าอุปทานน้ำมันจะลดลง ราคาน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปี ที่ 97.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]