เวลลิงตัน 21 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์เผยว่า จะยกเลิกมาตรการบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม หากการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว
นายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นแถลงข่าวประจำสัปดาห์ว่า ทุกคนล้วนอยากกลับไปมีชีวิตตามปกติ เธอเชื่อว่าสิ่งนี้จะมาเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่ไม่ขอกำหนดวันที่ชัดเจน การยกเลิกมาตรการบังคับฉีดวัคซีนจะเกิดขึ้นเมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนมีนาคม ผู้นำนิวซีแลนด์ถือโอกาสนี้ส่งสารไปยังผู้ประท้วงมาตรการบังคับฉีดวัคซีนที่นำยวดยานมาปิดกั้นถนนรอบอาคารรัฐสภาในกรุงเวลลิงตันมานานกว่า 2 สัปดาห์ว่า การยกเลิกมาตรการบังคับฉีดวัคซีนจะเป็นไปโดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตประชาชน ไม่ใช่เพราะการประท้วง
การประท้วงเริ่มต้นจากการต่อต้านการบังคับฉีดวัคซีน ต่อมาขยายวงเป็นการต่อต้านนางอาร์เดิร์นและรัฐบาล ตำรวจจับกุมผู้ประท้วง 8 คนในวันนี้ข้อหาก่อความวุ่นวาย ซึ่งเป็นความผิดอาญา เนื่องจากขว้างปาสิ่งขับถ่ายใส่ตำรวจ ด้านหัวหน้าพรรคเนชันนัลที่เป็นฝ่ายค้านระบุว่า การเผชิญหน้าที่หน้ารัฐสภาเกิดจากปัญหาในประเทศที่สะสมมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว โควิดและมาตรการจำกัดทำให้คนไม่พอใจก็จริง แต่สิ่งที่คนไม่พอใจร่วมกันคือรัฐบาลที่ดูเหมือนจะเตะถ่วงการยกเลิกมาตรการทั้งเรื่องบังคับฉีดวัคซีนและการเปิดประเทศ นิวซีแลนด์มียอดติดเชื้อสะสมเพียง 16,000 คน เสียชีวิต 53 คน เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนทำให้ยอดติดเชื้อเฉลี่ยในช่วง 7 วันที่ผ่านมาสูงเกินวันละ 1,600 คน ขณะที่ผู้เข้าเกณฑ์ฉีดวัคซีนฉีดครบโดสแล้วร้อยละ 94 บางส่วนเป็นการบังคับฉีดกับผู้ทำงานแนวหน้า.-สำนักข่าวไทย