โตเกียว 18 ก.พ. – แผนของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ในการผ่อนปรนข้อจำกัดพรมแดน ซึ่งถือเป็นมาตรการคุมเข้มการเข้าประเทศที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ให้กับประเทศที่ร่ำรวย ได้รับเสียงตอบรับในทางลบจากหลาย ๆ ฝ่าย
ญี่ปุ่นเกือบจะเรียกได้ว่าปิดประเทศมิให้ผู้ที่มิได้มีถิ่นพำนักในญี่ปุ่นเดินทางเข้าประเทศมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ทำให้นักเรียนและแรงงานต่างชาติหลายพันคนเข้าประเทศไม่ได้ ในขณะที่ญี่ปุ่นก็มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างชาติเพื่อมาปิดช่องว่างด้านแรงงาน เนื่องจากประชากรลดลงและเข้าสู่ยุคสังคมสูงวัย นายคิชิดะ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปจะอนุญาตให้คนต่างชาติเข้าประเทศได้เพิ่มขึ้นจากวันละ 3,500 คน เป็น 5,000 คน ในขณะเดียวกันก็จะลดระยะเวลาการกักตัว หรืออาจจะยกเลิกไปเลย ผลการสำรวจความเห็นประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการควบคุมการเดินทาง ส่วนผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ ในขณะที่มาตรการควบคุมการระบาดของเชื้อยังคงมีผลบังคับใช้เกือบทั่วประเทศ การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงเนื่องจากสายพันธุ์โอไมครอนที่ติดต่อกันได้ง่าย แสดงสัญญาณบ่งชี้ว่าจะถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่ยอดผู้เสียชีวิตในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ว่า สถานการณ์ดูย้อนแย้ง เนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว ญี่ปุ่นเจอกับการระบาดรุนแรง แต่ก็จัดโอลิมปิก ส่วนปีนี้ยอดคนเสียชีวิตพุ่ง แต่รัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัดการเข้าประเทศ ส่วนภาคธุรกิจมองว่า การผ่อนคลายการคุมพรมแดนดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่.-สำนักข่าวไทย