วอชิงตัน 3 ก.พ.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกำหนดกรอบเวลาลดอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในสหรัฐลงให้ครึ่งหนึ่งภายในเวลา 25 ปี หวังฟื้นโครงการที่ริเริ่มไว้เมื่อครั้งดำรงรองประธานาธิบดีเรื่องขจัดมะเร็งที่คร่าชีวิตโบ ไบเดน บุตรชายคนโตของเขาเมื่อปี 2548
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวกับสมาชิกรัฐสภา เจ้าหน้าที่รัฐบาล นักวิจัยและคนอื่น ๆ ที่ทำเนียบขาวว่า ต้องการลดยอดผู้เสียชีวิตจากมะเร็งลงให้ได้มากกว่าปีละ 300,000 คน เขาไม่ได้ประกาศงบประมาณใหม่สำหรับดำเนินโครงการนี้ แต่รัฐบาลเชื่อว่าจะสามารถเป็นไปได้ ด้วยการเพิ่มการตรวจคัดกรองมะเร็งและขจัดความไม่เท่าเทียมในการรับการรักษา อีกทั้งอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งได้ลดลงแล้วราว 1 ใน 4 ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จากเกือบ 200 คนต่อประชากร 100,000 คน เหลือ 146 คนต่อ 100,000 คนในปัจจุบัน สมาคมมะเร็งอเมริกันประเมินว่า ปีนี้สหรัฐจะมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ 1,918,030 คน และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็ง 609,360 คน
นพ.บาร์รอน เลอร์เนอร์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์กมองว่า การตั้งเป้าลดยอดผู้เสียชีวิตจากมะเร็งลงให้ได้ครึ่งหนึ่งอาจช่วยกระตุ้นให้ผู้คนหันมาสนใจเรื่องนี้ แต่เป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ยากมาก เพราะมะเร็งเป็นโรคที่ต้องอาศัยการวิจัยที่ซับซ้อนมาก และการนำผลวิจัยมาทดลองทางคลินิกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ด้าน นพ.โอทิส บรอว์ลีย์ มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ชี้ว่า ความก้าวหน้าในการวิจัยมะเร็งช่วยให้เข้าใจชีววิทยาของมะเร็งมากขึ้น แต่ผลการศึกษาของเขาพบว่า ผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปีละ 130,000 คนไม่ได้รับประโยชน์จากความรู้ความเข้าใจนี้.-สำนักข่าวไทย