เมียนมาร์เตือนแรงงานในมาเลเซียหลังจากคนงาน 5 คนถูกทำร้ายเสียชีวิต

ย่างกุ้ง 9 ม.ค. – เมียนมาร์เปิดเผยวันนี้ว่า ได้แจ้งข้อปฎิบัติเพื่อความปลอดภัยให้แก่แรงงานชาวเมียนมาร์ในมาเลเซียให้ระมัดระวังอันตรายหลังจากที่แรงงานชาวเมียนมาร์ถูกทำร้ายด้วยดาบจนเสียชีวิต


โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมาร์กล่าวว่า รัฐบาลเมียนมาร์ได้ออกประกาศคำแนะนำเรื่องความปลอดภัยแก่แรงงานเมียนมาร์ในมาเลเซียและเรียกร้องให้แรงงานที่ลักลอบเข้าไปทำงานในมาเลเซียอย่างผิดกฎหมายติดต่อกับทางสถานทูตเมียนมาร์เพื่อความปลอดภัย เขากล่าวด้วยว่า เมียนมาร์กำลังร่วมมือกับมาเลเซียในการสอบสวนเหตุโจมตีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิตครั้งนี้ พร้อมกับระบุว่า การห้ามแรงงานเดินทางไปมาเลเซียยังคงมีผลบังคับใช้ไม่เปลี่ยนแปลง ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงแรงงาน ตรวจคนเข้าเมืองและประชากรของเมียนมาร์กล่าวว่า การที่เมียนมาร์ห้ามแรงงานไปทำงานในมาเลเซียมีหลายสาเหตุ ทั้งในเรื่องของความปลอดภัยและความมั่นคง โดยแรงงานบางคนอาจจะไปสร้างปัญหาทางการเมืองให้แก่รัฐบาลเมียนมาร์ได้

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีชาย 4 คนที่ใช้หน้ากากปกปิดใบหน้ามีมีดดาบเป็นอาวุธเข้าทำร้ายแรงงานชาวเมียนมาร์ หลังจากที่พวกเขาเดินออกจากโรงงานในเขตเซอร์ดัง ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ทำให้แรงงานเมียนมาร์เสียชีวิต 5 คนและบาดเจ็บอีก 2 คน ตำรวจมาเลเซียกล่าวว่า ชายชาวเมียนมาร์ 7 คน ถูกควบคุมตัวหลังเกิดเหตุและไม่มีหลักฐานว่าประเด็นเรื่องศาสนาเป็นเหตุจูงใจให้เกิดการก่อเหตุในครั้งนี้ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เมียนมาร์ยุติการส่งแรงงานไปทำงานในมาเลเซียหลังจากนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย กล่าวถึงการที่เมียนมาร์ปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญาว่าเป็นการล้างเผ่าพันธุ์และเรียกร้องให้ต่างประเทศเข้าไปแทรกแซง


ความตึงเครียดระหว่างเมียนมาร์และมาเลเซียทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับชะตากรรมของชาวโรฮิงญาในเมียนมาร์ โดยมาเลเซี่ยกล่าวหาว่า เมียนมาร์พยายามล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา ซึ่งเป็นชาวมุสลิม ในขณะที่ทางการเมียนมาร์ปฏิเสธรายงานเรื่องที่กองกำลังความมั่นคงใช้กำลังทำร้ายชาวโรฮิงญา หลังจากมีคนร้ายสังหารตำรวจเมียนมาร์ที่ประจำด่านชายแดนติดกับบังกลาเทศไป 9 นาย เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมปีที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก