ลอนดอน 19 ม.ค. – อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งแตะระดับ 5.4% ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำสถิติสูงสุดในรอบ 30 ปี ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำปัญหาวิกฤติค่าครองชีพที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ครัวเรือน และสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางอังกฤษต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือซีพีไอ ของอังกฤษได้ปรับตัวพุ่งขึ้นอีกครั้งจนสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และคาดว่าจะปรับตัวแตะระดับสูงขึ้นอีกอย่างมีนัยสำคัญในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เมื่อราคาน้ำมันและไฟฟ้าได้รับการคาดหมายว่าจะพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 50 ในเดือนเมษายนนี้ ขณะที่ราคาสินค้าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาปรับตัวพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกว่ารายรับอย่างมากจนสร้างแรงกดดันต่อรายได้ครัวเรือน โดยมีการปรับขึ้นค่าแรงล่าสุดในอัตราเพียงร้อยละ 3.8 ในช่วงสามเดือนก่อนถึงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือนธันวาคมเคยพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 5.2% ในปี 2554 และ 2551
ในขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นค่อนข้างกระจายตัว (broad based) และทำให้ราคาอาหารและค่าอาหารในร้านอาหารแพงขึ้น ตลอดจนค่าโรงแรม เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ในครัวเรือน เสื้อผ้า และรองเท้ามีราคาแพงขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ด้านนายแกรนต์ ฟิตซ์เนอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ กล่าวว่า มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยที่ชี้ว่ามาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น ขณะที่คำสั่งปิดเศรษฐกิจในปีที่แล้วได้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าบางส่วนเท่านั้น และส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปน้อยมากเมื่อมองในภาพรวม.-สำนักข่าวไทย