ฝรั่งเศสอนุมัติกฎหมายห้ามคนไม่ฉีดวัคซีนใช้บริการสาธารณะ

ปารีส 17 ม.ค.- รัฐบาลฝรั่งเศสอนุมัติกฎหมายใหม่เมื่อวันอาทิตย์ที่จะห้ามผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข้าสถานที่สาธารณะทุกแห่ง


รัฐบาลฝรั่งเศสอนุมัติกฎหมายนี้ หลังจากรัฐสภาลงมติผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 215 ต่อ 58 เสียง และล่าช้าจากกำหนดเดิมที่ตั้งใจไว้ เนื่องจากสมาชิกสภาทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาขอแก้ไขเนื้อหากฎหมายหลายร้อยจุด กฎหมายใหม่กำหนดให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนที่ต้องการเข้าสถานที่สาธารณะทั่วประเทศ เช่น ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ รวมถึงการขึ้นรถไฟและเที่ยวบินในประเทศจะต้องฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเท่านั้น ไม่สามารถใช้ผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบหรือเพิ่งหายจากโควิดเช่นในปัจจุบันได้อีกต่อไป นอกจากนี้ยังกำหนดโทษปรับสถานหนักกับผู้ใช้ใบรับรองการฉีดวัคซีนปลอมแปลง และต้องให้ตรวจบัตรประจำตัวก่อนใช้บริการด้วย

มีเสียงวิจารณ์ว่า กฎหมายนี้ไม่น่าจะเป็นผลมากนัก เนื่องจากชาวฝรั่งเศสฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 91 แต่รัฐบาลหวังว่า กฎหมายนี้จะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อป่วยหนักที่ต้องเข้าโรงพยาบาล โดยไม่ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์อีก เพราะขณะนี้หอผู้ป่วยวิกฤตมากกว่าร้อยละ 76 เต็มไปด้วยผู้ป่วยโควิดที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และมีผู้เสียชีวิตมากถึงวันละ 200 คน ในช่วงที่เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนกำลังแพร่ระบาด สัปดาห์ที่ผ่านมาฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ต่ำกว่า 2,800 คนต่อประชากร 100,000 คน ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมมากกว่า 14 ล้านคน เสียชีวิตมากกว่า 126,900 คน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย