ออสเตรเลียปรับข้อกำหนดตรวจโควิดรับมือโอไมครอนระบาดหนัก

ซิดนีย์ 30 ธ.ค. – ออสเตรเลียประกาศปรับใช้แนวทางใหม่ในการตรวจหาเชื้อโควิดในกลุ่มผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดและผ่อนคลายข้อกำหนดตรวจหาเชื้อโควิดเพื่อบรรเทาภาวะตึงตัวในศูนย์ตรวจหาเชื้อโควิดหลายแห่ง ในขณะที่พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ทะลุ 20,000 คนเป็นครั้งแรก


นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย เผยวันนี้ว่า การระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้ออสเตรเลียไม่สามารถตรวจหาเชื้อโควิดในประชาชนหลายแสนคนด้วยแนวทางแบบเดียวกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ออสเตรเลียจะให้คำจำกัดความใหม่ของผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในครอบครัวเดียวกันกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด บุคคลเหล่านี้จะต้องแยกกักตัวเพื่อรอดูอาการเป็นเวลา 7 วัน และจะได้รับการตรวจหาเชื้อแบบสว็อบเก็บตัวอย่างเชื้อบริเวณลำคอและหลังโพรงจมูก หรือพีซีอาร์ ก็ต่อเมื่อมีอาการป่วยที่เข้าข่ายติดเชื้อโควิดเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเดียวกับผู้ป่วยติดเชื้อและไม่มีอาการป่วยก็ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธีดังกล่าวอีกต่อไป

อย่างไรก็ดี แพทย์ออสเตรเลียหลายคนไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนคำจำกัดความใหม่ของผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน โดยระบุว่า แนวทางดังกล่าวอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการแพร่ระบาดมากขึ้น เนื่องจากเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่กระจายไปสู่ทุกคนได้ง่าย โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่สมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน นักเที่ยวในผับ หรือผู้ที่อยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกัน


ทางการออสเตรเลียรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 21,329 คน ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศ และเป็นตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในเดือนก่อนที่มีผู้ป่วยติดเชื้อรายวันราว 1,200 คนเท่านั้น แม้ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่ก็มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 363,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 2,200 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง