วอชิงตัน 23 ธ.ค.- สำนักงานอาหารและยาสหรัฐหรือเอฟดีเอ (FDA) อนุมัติให้ใช้แพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ยาเม็ดต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของไฟเซอร์เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว โดยให้ใช้กับผู้มีความเสี่ยงสูงอายุ 12 ปีขึ้นไป
เอฟดีเออนุมัติให้ใช้ยาแพ็กซ์โลวิดสำหรับรักษาผู้ติดโควิดที่มีอาการปานกลางวัย 12 ปีขึ้นไปและมีน้ำหนักตัวไม่ต่ำกว่า 88 ปอนด์ (ราว 39.9 กิโลกรัม) และผู้ติดเชื้อที่เสี่ยงจะต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต โดยให้รับประทานทันทีที่สามารถทำได้หลังจากตรวจพบว่าติดเชื้อ และภายใน 5 วันที่เริ่มมีอาการ รับประทาน 1 คอร์ส รวมทั้งหมดไม่เกิน 30 เม็ด โดยให้รับประทานติดต่อกันไม่เกิน 5 วัน วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เม็ด ประกอบด้วยเนอร์มาเทรลเวียร์ 2 เม็ด และริโทนาเวียร์ 1 เม็ด ยาตัวแรกออกฤทธิ์ยับยั้งโปรตีนของเชื้อไวรัสโคโรนาทำให้เชื้อไม่สามารถเพิ่มจำนวน ยาตัวที่สองช่วยชะลอการแตกตัวของยาตัวแรกเพื่อให้อยู่ในร่างกายได้นานขึ้นในปริมาณที่เข้มข้นขึ้น
เอฟดีเอย้ำว่า ไม่อนุมัติให้ใช้แพ็กซ์โลวิดเพื่อป้องกันโควิดทั้งก่อนหรือหลังได้รับเชื้อ และไม่อนุมัติให้ใช้แทนการรักษาผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะอาการหนัก รวมทั้งไม่อนุมัติให้ใช้แทนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด และไม่แนะนำสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคตับหรือไตร้ายแรง สำหรับผลข้างเคียงของยาขนานนี้ได้แก่ เสียการรับรส ท้องร่วง ความดันโลหิตสูง และปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนี้การรับประทานแพ็กซ์โลวิดพร้อมกับยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา และหากใช้กับผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือไม่ได้ควบคุมอาการอาจทำให้ดื้อยาต้านเอชไอวีได้
เอฟดีเออนุมัติให้ใช้แพ็กซ์โลวิดเป็นกรณีฉุกเฉินหลังจากผลการทดลองทางคลินิกพบว่า สามารถลดความเสี่ยงเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยงได้ถึงร้อยละ 88 ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนแถลงว่า การอนุมัติของเอฟดีเอเป็นการพิสูจน์อย่างชัดแจ้งเรื่องพลังของวิทยาศาสตร์ และผลของนวัตกรรมและความเฉลียวฉลาดของอเมริกัน เขาจะเร่งออกกฎหมายเอื้อให้ไฟเซอร์สามารถเร่งการผลิตยาขนานนี้โดยเร็ว ขณะที่ทำเนียบขาวเผยว่า รัฐบาลใช้งบประมาณ 5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 178,000 ล้านบาท) ซื้อยาขนานนี้แล้ว 10 ล้านคอร์ส โดยจะได้ 265,000 คอร์สแรกในเดือนมกราคม 2565 และที่เหลือภายในปลายฤดูร้อน.-สำนักข่าวไทย