สหรัฐ 14 พ.ย. – ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะทำตามคำมั่นสัญญา โดยจะไม่รับเงินเดือนประธานาธิบดีสหรัฐ และเตรียมเนรเทศหรือจำคุกผู้อพยพผิดกฎหมายราว 3 ล้านคน ในสหรัฐ แต่ผ่อนคลายท่าทีเรื่องกำแพงเม็กซิโกว่าบางส่วนอาจเป็นเพียงรั้วกั้นธรรมดา
ทรัมป์เปิดใจในรายการ 60 Minutes ทางสถานีโทรทัศน์ CBS ซึ่งถือเป็นสื่อรายแรกที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษทรัมป์ เขาได้ตอบทุกคำถามที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสุดโต่งของเขา ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคมอเมริกัน และการต่างประเทศ แม้ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐจะปรับบุคลิกให้สุขุมมากขึ้นหลังชนะเลือกตั้ง แต่นายทรัมป์ก็ยังคงเป็นทรัมป์คนเดิม ที่รักษาเอกลักษณ์การใช้คำพูดแบบขวานผ่าซาก โดยบอกว่างานสำคัญอันดับแรกที่จะทำหลังรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า คือ การจัดการกับผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองในสหรัฐ กลุ่มที่มีประวัติพัวพันอาชญากรรม ซึ่งทรัมป์เชื่อว่ามีมากถึง 3 ล้าน คนพวกนี้ต้องถูกเนรเทศส่งกลับบ้าน หรือไม่ก็ต้องรับโทษจำคุก
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้อพยพผิดกฎหมายจากการคาดการณ์ของทรัมป์ดูเหมือนจะต่ำกว่าที่ทางการประเมินเอาไว้ว่ามีสูงถึง 11 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากอเมริกากลางและอเมริกาใต้ นอกจากนี้เขายังยืนยันสร้างกำแพงสูงตลอดแนวชายแดนสหรัฐเม็กซิโก แต่บางช่วงของกำแพงอาจกั้นเป็นเพียงรั้วในส่วนของการแต่งตั้งตุลาการศาลฎีกา ซึ่งยังว่างอยู่ 1 ตำแหน่ง ทรัมป์บอกว่าบุคคลที่เขาจะเสนอชื่อจะเป็นผู้ที่ต่อต้านการทำแท้ง และปกป้องสิทธิของชาวอเมริกันตามรัฐธรรมนูญในการครอบครองอาวุธปืน
แต่ที่ฮือฮาที่สุด ทรัมป์ให้คำมั่นว่าตลอดเวลา 4 ปี ที่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เขาจะไม่ขอรับเงินเดือน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ปีละ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14 ล้านบาท) แต่ตามกฎหมายการทำงานต้องมีค่าตอบแทน ทรัมป์จึงกล่าวว่าจะรับปีละ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นพอ นั่นคือปีละ 35 บาท
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ไม่ใช่ประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ไม่รับเงินเดือน เพราะคนแรกคือ ประธานาธิบดี เฮอเบิร์ต ฮูเวอร์ ประธานาธิบดีคนที่ 31 ของสหรัฐ ซึ่งอุทิศเงินเดือนของตัวเอง ให้กับการกุศลและเป็นโบนัสสำหรับเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว และคนต่อมาคือประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี ผู้นำสหรัฐคนที่ 35 ซึ่งแบ่งเงินเดือนของตัวเองทั้งหมดให้กับองค์การการกุศลหลายแห่ง โดยอดีตประธานาธิบดีเคนเนดี มีธรรมเนียมปฏิบัติของตัวเองในการไม่รับเงินเดือนมาตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่ง วุฒิสมาชิก รัฐรัฐแมสซาชูเซตส์แล้ว
ขณะเดียวกัน ทรัมป์เริ่มฟอร์มทีมงานบริหารประเทศบ้างแล้ว โดยแต่งตั้งให้นายไรนซ์ พรีบุส ประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติ พรรครีพับลิกัน รับตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว และ แต่งตั้งนายสตีฟ แบนนอน นักธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน ซึ่งนำเสนอข่าวการเมืองแนวอนุรักษ์นิยมให้รับตำแหน่งหัวหน้านักยุทธศาสตร์ และที่ปรึกษาอาวุโส
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนายทรัมป์ และว่าการรักษาและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสหรัฐและจีน คือหนทางเดียวในการรักษาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี รัฐบาลจีนพร้อมฟื้นฟูความสัมพันธ์ภายใต้การนำของนายทรัมป์
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทรัมป์กล่าวโจมตีจีนมาโดยตลอดว่า การขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน ส่งผลกระทบต่อสายงานการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ และว่าจีนกำลังทำสงครามค่าเงินกับสหรัฐ ด้วยการแทรกแซงค่าเงินหยวนให้ต่ำกว่าความเป็นจริง ทรัมป์ยังเคยประกาศว่าจะเพิ่มกำแพงภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 45% ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานด้วย. – สำนักข่าวไทย