นายกฯญี่ปุ่นประกาศเตรียมรับมือโอไมครอนกรณีเลวร้ายที่สุด

โตเกียว 6 ธ.ค.- นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นประกาศวันนี้ว่า จะเตรียมรับมือกับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนในกรณีที่เลวร้ายที่สุด และจะยังคงเร่งนำพาเศรษฐกิจให้กลับเข้ารูปเข้ารอย


นายกรัฐมนตรีคิชิดะแถลงเปิดการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันนี้ว่า แม้สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในญี่ปุ่นดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงใหม่ ๆ รวมถึงการยืนยันพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนในหลายประเทศ ดังนั้นญี่ปุ่นจะคงจุดยืนเรื่องการระมัดระวังและรอบคอบต่อไป โดยได้เพิ่มเตียงสำหรับผู้ติดเชื้ออีก 10,000 เตียงมาตั้งแต่ฤดูร้อนแล้ว และเตรียมอนุมัติยารับประทานรักษาโรคโควิดในปลายเดือนนี้ ขณะเดียวกันรัฐบาลจะร่นระยะห่างการรับวัคซีนเข็มที่ 2 กับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันจาก 8 เดือนในปัจจุบัน ส่วนที่ถูกวิจารณ์ว่า การห้ามชาวต่างชาติรายใหม่เข้าประเทศทั้งหมดเพื่อป้องกันเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเป็นมาตรการที่เกินกว่าเหตุนั้น เขาขอน้อมรับเสียงวิจารณ์ว่าระมัดระวังมากเกินไปก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์อย่างเพียงพอ

นายกรัฐมนตรีคิชิดะประกาศด้วยว่า จะปกป้องธุรกิจและคนทำงานที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของโควิด-19 ด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่จะใช้เงินส่วนใหญ่จากงบประมาณเพิ่มเติมปี 2565 สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 36 ล้านล้านเยน (ราว 10.79 ล้านล้านบาท) ที่คาดว่ารัฐสภาจะผ่านความเห็นชอบในการประชุมสมัยวิสามัญนี้ และจะเพิ่มมาตรการจูงใจทางภาษีครั้งใหญ่เพื่อให้ธุรกิจขึ้นเงินเดือนพนักงาน


นายกรัฐมนตรีคิชิดะใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณาอย่างจริงจังว่า จะปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่ร่างไว้ตั้งแต่ฝ่ายสัมพันธมิตรยึดครองญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2490 หรือไม่ เพราะควรต้องมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังมีความเหมาะสมหรือไม่ ในยามที่สถานการณ์ต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องการต่างประเทศ ญี่ปุ่นจะกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐ และพร้อมพิจารณาทุกทางเลือกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันประเทศ เนื่องจากบรรยากาศความมั่นคงรอบญี่ปุ่นกำลังตึงเครียดอย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย