วอชิงตัน 2 ธ.ค.- รายงานฉบับใหม่ที่นำเสนอต่อรัฐบาลกลางสหรัฐระบุว่า สหรัฐเป็นประเทศที่ทำให้เกิดขยะพลาสติกมากที่สุดในโลก พร้อมกับเรียกร้องให้มียุทธศาสตร์ระดับชาติแก้ไขวิกฤตที่ทวีความรุนแรงนี้
รายงานเรื่อง “การประเมินบทบาทของสหรัฐเรื่องขยะพลาสติกในมหาสมุทรโลก” (Reckoning with the U.S. Role in Global Ocean Plastic Waste) ตามการมอบหมายของรัฐสภาระบุว่า ความสำเร็จของสิ่งประดิษฐ์น่าอัศจรรย์อย่างพลาสติกในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้ก่อให้เกิดขยะพลาสติกในทุกหนแห่งทั่วโลก เป็นวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนริมฝั่งและชุมชนห่างฝั่ง ก่อมลพิษในแม่น้ำ ทะเลสาบและชายหาด สร้างภาระทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน เป็นอันตรายต่อชีวิตสัตว์ป่า และทำให้น้ำที่มนุษย์ใช้ดื่มกินปนเปื้อน
รายงานระบุว่า ปี 2559 สหรัฐมีขยะพลาสติก 42 ล้านเมตริกตัน มากกว่าจีนและประเทศในสหภาพยุโรปกว่า 2 เท่า ชาวอเมริกันแต่ละคนผลิตขยะพลาสติกเฉลี่ย 130 กิโลกรัมต่อปี รองลงไปคืออังกฤษ 99 กิโลกรัม และเกาหลีใต้ 88 กิโลกรัม ขณะที่ทั่วโลกมีขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นจาก 20 ล้านเมตริกตันในปี 2509 เป็น 381 ล้านเมตริกตันในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 20 เท่าใน 50 ปี แต่ละปีมีขยะพลาสติกเพิ่มขึ้น 8 ล้านเมตริกตัน หากเพิ่มขึ้นในอัตรานี้ อาจมีขยะพลาสติกหลุดลอดลงมหาสมุทรทั่วโลกมากถึง 53 ล้านเมตริกตันต่อปีภายในปี 2573 คิดเป็นครึ่งหนึ่งของน้ำหนักปลาที่จับได้ทั่วโลกในแต่ละปี สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะอัตราการรีไซเคิลขยะพลาสติกไม่ทันกับปริมาณขยะที่เกิดขึ้น
รายงานเรียกร้องให้สหรัฐเร่งกำหนดยุทธศาสตร์ระดับชาติภายในสิ้นปี 2565 พร้อมกับเสนอแนะให้กำหนดเพดานการผลิตพลาสติกระดับชาติ ใช้วัสดุที่สลายตัวง่ายและรีไซเคิลง่าย ลดการผลิตพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ปรับปรุงการกำจัดขยะ ใช้เทคนิคขจัดไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำ ห้ามการทิ้งขยะพลาสติกลงในมหาสมุทรโดยตรง และเก็บข้อมูลเพื่อสร้างระบบติดตามแหล่งที่ก่อให้เกิดขยะ.-สำนักข่าวไทย