ลอนดอน 1 ธ.ค.- กรุงเทลอาวีฟของอิสราเอลได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกในปีนี้ เป็นผลจากเงินแข็งค่าขึ้น ค่าขนส่งและเครื่องอุปโภคบริโภคปรับราคาสูงขึ้น
อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยและวิเคราะห์ของดิอิโคโนมิสต์ บริษัทสื่อในอังกฤษ เปิดเผยดัชนีค่าครองชีพทั่วโลกประจำปี 2564 ที่เปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐใน 173 ประเทศว่า กรุงเทลอาวีฟมีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก โดยกระโดดขึ้นมา 5 อันดับจากปี 2563 เนื่องจากเงินเชเกลของอิสราเอลแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับราคาค่าขนส่งและสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันปรับตัวสูงขึ้น ปัจจุบันเงินเชเกลมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 เชเกล ต่อ 0.32 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 10.73 บาท
เมืองที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับ 2 ร่วมกันได้แก่ กรุงปารีสของฝรั่งเศสและสิงคโปร์ อันดับ 3 ร่วมกันได้แก่ นครซูริกของสวิตเซอร์แลนด์และฮ่องกง อันดับ 6 นครนิวยอร์กของสหรัฐ อันดับ 7 นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 8 กรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก อันดับ 9 นครลอสแอนเจลิสของสหรัฐ และอันดับ 10 นครโอซากาของญี่ปุ่น ขณะที่กรุงดามัสกัสของซีเรียที่เกิดสงครามกลางเมืองมาตั้งแต่ปี 2554 เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพถูกที่สุดในโลก
การจัดทำดัชนีค่าครองชีพทั่วโลกประจำปีนี้อาศัยการเก็บข้อมูลในเดือนสิงหาคมและกันยายน เป็นช่วงที่ค่าขนส่งสินค้าและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น โดยพบว่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.5 เมื่อคิดเป็นสกุลเงินท้องถิ่น เป็นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปี ผู้จัดทำดัชนีระบุว่า มาตรการจำกัดทางสังคมเนื่องจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้ห่วงโซ่อุปทานสินค้าสะดุด ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาปรับเพิ่มขึ้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้คือ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสูงมาก คาดว่าธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังเพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อ.-สำนักข่าวไทย