ลอนดอน 30 พ.ย. – อังกฤษเริ่มกลับมาบังคับการสวมหน้ากากอนามัยใหม่และบังคับใช้มาตรการอื่น ๆ ที่มีเป้าหมายในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอน ในวันนี้ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ เล็งขยายโครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเพิ่มการป้องกันโควิด-19
รายงานกล่าวว่า ตั้งแต่เช้าวันอังคารเป็นต้นไป ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อใช้บริการขนส่งมวลชน และเมื่อเข้าไปในร้านค้า ธนาคาร และร้านทำผม นักเดินทางทุกคนจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสแบบพีซีอาร์ ไม่เกินวันที่ 2 หลังจากเดินทางมาถึงอังกฤษแล้ว และต้องแยกกักตัวจนกว่าจะได้รับผลการตรวจหาเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นมาตรการเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการจำกัดการเดินทางมาจาก 10 ประเทศในทวีปแอฟริกา ซึ่งต้องแยกกักตัวเพื่อดูอาการที่โรงแรม จนถึงขณะนี้ อังกฤษพบผู้ติดเขื้อสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 11 ราย และรัฐบาลอังกฤษระบุว่า จำนวนจะเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้การระบาดช้าลง จนกว่าจะได้ทราบข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการติดต่อของเชื้อไวรัสและผลกระทบกับวัคซีนที่มีอยู่ นายจอห์นสัน กล่าวในแถลงการณ์ว่า มาตรการที่มีผลบังคับใช้ในวันนี้มีความเหมาะสมและสมเหตุสมผล และจะช่วยให้มีเวลามากขึ้นในการหาข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสกลายพันธุ์ เขากล่าวว่า จะมีการทบทวนมาตรการหลังใช้ไปแล้ว 3 สัปดาห์ แต่โครงการฉีดวัคซีนทำให้อังกฤษอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าเมื่อปีที่แล้ว เพื่อมีการใช้มาตรการข้อจำกัดก่อนจะถึงเทศกาลคริสต์มาสไม่นาน.-สำนักข่าวไทย