วอชิงตัน 24 พ.ย. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ประกาศเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า จะปล่อยน้ำมันสำรองฉุกเฉิน 50 ล้านบาร์เรล เพื่อรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นก่อนถึงการเดินทางที่คับคั่งในช่วงวันหยุดยาว พร้อมทั้งระบุว่าต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์กว่าที่ปริมาณน้ำมันดังกล่าวจะเข้าสู่ตลาด
ประธานาธิบดีไบเดนเผยว่า กระทรวงพลังงานจะปล่อยน้ำมัน 50 ล้านบาร์เรลจากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ ซึ่งถือเป็นการปล่อยปริมาณน้ำมันสำรองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ แนวทางดังกล่าวจะไม่ได้ทำให้ราคาน้ำมันลดลงในชั่วข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลาอีกสักพัก เขาคาดว่าอีกไม่นานประชาชนก็จะเห็นว่าราคาน้ำมันลดลง นอกจากนี้ ในระยะยาว สหรัฐจะลดการพึ่งพาน้ำมัน และหันไปใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น
ประธานาธิบดีไบเดนยังระบุว่า รัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันพุ่งสูงอย่างเต็มที่ แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องเผชิญกับราคาน้ำมันแพง เนื่องจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันและบริษัทขนาดใหญ่ไม่ได้เร่งการผลิตน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการในตลาด เมื่อปริมาณน้ำมันมีไม่เพียงพอ จึงทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นในการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบหลายสิบปีและทำให้ประชาชนไม่พอใจอย่างมาก นอกจากนี้ ประกาศดังกล่าวยังมีขึ้นพร้อมกับความร่วมมือจากอีกหลายประเทศ เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอังกฤษ โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐเชื่อว่าความร่วมมือดังกล่าวอาจช่วยให้ราคาน้ำมันถูกลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น กล่าววันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะปล่อยน้ำมันดิบบางส่วนจากคลังสำรองของประเทศออกสู่ท้องตลาด ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสหรัฐโดยที่จะดำเนินการในลักษณะที่ไม่ละเมิดข้อกำหนดตามกฎหมาย นายคิชิดะ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายโคอิชิ ฮากิอูดะ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมจะเป็นผู้แถลงรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ปริมาณน้ำมันที่จะปล่อยออกจากคลังสำรองของประเทศ เขากล่าวด้วยว่า ญี่ปุ่นจะยังคงดำเนินการโน้มน้าวประเทศผู้ผลิตน้ำมันให้ต่อสู้กับปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น.-สำนักข่าวไทย