ซิดนีย์ 21 ต.ค. – ประชาชนชาวนครเมลเบิร์นหลายล้านคนเตรียมพร้อมที่จะออกจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่บังคับใช้มายาวนานที่สุดในโลกในวันนี้ แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันยังคงอยู่ในระดับใกล้สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง ในขณะที่ผับ ภัตตาคารและคาเฟ เตรียมสั่งซื้อของใช้ก่อนวันเปิดให้บริการอีกครั้ง
ประชาชนในนครเมลเบิร์น เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของออสเตรเลียต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดดาวน์มาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นรอบที่ 6 นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ โดยรอบนี้เป็นการระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธ์สายพันธุ์เดลตา ที่ติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ให้สัญญาว่า จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เมื่อประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว เกินร้อยละ 70 ในรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน กล่าววันนี้ ยืนยันว่า รัฐวิกตอเรีย บรรลุเป้าหมายแล้ว และการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการฉีดวัคซีนครบร้อยละ 80 และ 90 ตามลำดดับ ตั้งแต่เวลา 23.59 น. คืนนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 20.59 น. ตามเวลาในประเทศไทย ผับและคาเฟ่ จะสามารถรับบริการลูกค้าที่ฉีดวัคซีนครบแล้วได้ 20 คนภายในตัวอาคารและอีก 50 คนที่อยู่กลางแจ้ง ในขณะที่ช่างทำผมสามารถรับลูกค้าเข้าร้านได้ 5 ราย อย่างไรก็ตาม ทางการยังคงบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยทั้งในร่มและกลางแจ้ง นับจนถึงเที่ยงคืนในคืนนี้ นครเมลเบิร์น อยู่ภายใต้มาตการล็อกดาวน์รวมแล้ว 262 วัน หรือ เกือบ 9 เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ซึ่งถือเป็นระยะเวลารวมกันแล้วนานที่สุดในโลก แซงหน้ากรุงบัวโนสไอเรส ของอาร์เจนตินา ที่ล็อกดาวน์นาน 234 วัน ในขณะที่เตรียมจะออกจากล็อกดาวน์ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด รายใหม่ในรัฐวิกตอเรียวันนี้ อยู่ที่ 2,232 ราย มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสถิติรายวันในแต่ละรัฐทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย