ปารีส 16 พ.ย. – นักวิจัยเปิดเผยวันนี้ว่า จำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วง 4 ทศวรรษก่อน โดยจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาคเอเชียใต้และแอฟริกาใต้
ผลศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซตระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นจาก 594 ล้านคน เป็น 1,100 ล้านคนระหว่างปี 2518-2558 โดยพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางแถบแอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮารา เอเชียใต้ และบางประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ขณะที่ประเทศที่มีรายได้สูงอย่าง ออสเตรเลีย แคนนาดา เยอรมนี และญี่ปุ่น มีจำนวนผู้ป่วยลดลงอย่างมาก ในปี 2558 มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงวัยผู้ใหญ่ราว 590 ล้านคนอาศัยอยู่ในเอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ จากจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด 226 ล้านคนอยู่ในจีน และ 199 ล้านคนอยู่ในอินเดีย ส่วนประชากรหญิงราว 1 ใน 3 ในหลายประเทศแถบแอฟริกาตะวันตกป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ขณะที่ประชากรชายกว่า 1 ใน 3 ในหลายประเทศแถบยุโรปกลางและตะวันออกยังคงเผชิญปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่เกิดจากความดันโลหิตสูง
ศาสตราจารย์มาจิด เอซซาทิ จากวิทยาลัยอิมพีเรียลในกรุงลอนดอนของอังกฤษกล่าวว่า โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ ซึ่งในแต่ละปีคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกราว 7.5 ล้านคน ทั้งนี้ โรคดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศฝั่งตะวันตกหรือประเทศที่ร่ำรวยอีกต่อไป แต่ยังเป็นปัญหาสำหรับประเทศและประชาชนที่ยากจน ดังนั้นหากไม่มีการใช้นโยบายปรับปรุงด้านอาหารการกินอย่างมีประสิทธิภาพในประเทศยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการบริโภคเกลือและทำให้ผลไม้และผักมีราคาถูกลง เป้าหมายขององค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ ที่จะลดจำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงลงร้อยละ 25 ภายในปี 2568 ก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก.- สำนักข่าวไทย