วอชิงตัน 5 ต.ค. – นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเชก กษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 ของจอร์แดน เป็นส่วนหนึ่งของบรรดาบุคคลสำคัญที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ที่ออกมาปฎิเสธว่า ไม่ได้กระทำอะไรผิด หลังจากมีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารทางการเงินและการซื้อทรัพย์สินผ่านบริษัทนอกประเทศ ที่เรียกว่า “แพนดอร่า เปเปอร์ส” ออกมาวานนี้
อินเดียกล่าวว่า จะดำเนินการสอบสวนกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีการเปิดเผยในช้อมูลที่เผยแพร่ออกมา ในขณะที่นายเชากัต ทาริน รัฐมนตรีคลังปากีสถานกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่มีชี่ออยู่ในเอกสารดังกล่าวจะถูกสอบสวนทั้งหมด ซึ่งรวมถึงตัวเขาเองด้วย ส่วนทำเนียบเครมลินกล่าวว่า ยังไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีการหลบซ่อนอยู่ของคนใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียตามที่เอกสารกล่าวอ้างไว้ว่า คนใกล้ชิดที่ความสัมพันธ์แนบสนิทกับผู้นำรัสเซียใช้เงินกองทุนที่อยู่นอกอาณาเขต หรือ ออฟซอร์ ฟันด์ เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโมนาโก
เครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนนานาชาติ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้สื่อข่าวและองค์กรสื่อที่มีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน เผยแพร่เอกสารชุด “แพนดอรา เปเปอร์ส” รวมรวมข้อมูลจากเอกสารกว่า 11.9 ล้านฉบับที่รั่วไหลออกมาจากบริษัทผู้ให้บริการทางการเงิน 14 แห่งในหลายประเทศ ข้อมูลในเอกสารชุดนี้มีการเชื่อมโยงไปถึงผู้นำรัฐบาลทั้งในอดีตและปัจจุบันราว 35 คน นักการเมืองกว่า 330 คน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลใน 91 ประเทศและดินแดนทั่วโลก
ส่วนหนึ่งในเอกสารฉบับนี้เปิดเผยว่า สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ทรงมีพระราชทรัพย์ที่ไม่ได้เปิดเผยในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ สำนักพระราชวังจอร์แดนออกแถลงการณ์ระบุว่า การที่พระองค์จะทรงเป็นเจ้าของทรัพย์สินในต่างประเทศ ไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติหรือไม่เหมาะสมแต่อย่างใด ในขณะที่ตัวสมเด็จพระราชาธิบดีอัลดุลเลาะห์ ตรัสถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรกว่า เงินที่ใช้ในการซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นเงินส่วนพระองค์มิใช้เงินงบประมาณแผ่นดินหรือมาจากคลังแต่อย่าง ใดและพระองค์ไม่มีสิ่งใดจะต้องปิดบัง ในขณะที่นายกรัฐมนตรีอันแดรย์ บาบิช ของสาธารณเชค ที่ถูกระบุว่า มีอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 22 ล้านดอลลาร์ใกล้กับเมืองคานส์ ของฝรั่งเศส กล่าวปฎิเสธว่า เขาไม่ได้กระทำความผิดอะไร นายบาบิช มีฐานะเข้าชั้นเศรษฐีก่อนที่จะมาเข้าสู่วงการเมือง ส่วนทางด้านปากีสถาน พรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน สั่งการให้รัฐมนตรีและคนใกล้ชิดที่มีชื่อปรากฎในเอกสาร ลาออกจากตำแหน่งและถูกสอบสวน.-สำนักข่าวไทย