ซิดนีย์ 6 ก.พ. – รัฐบาลออสเตรเลียบังคับขายทรัพย์สินที่พักอาศัยผิดกฎหมายของชาวต่างชาติ มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2,685 ล้านบาท) หวังแก้ปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศพุ่งสูง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการกว้านซื้อบ้านของชาวต่างชาติ
ปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนครซิดนีย์และนครเมลเบิร์นกลายเป็นปัญหาสำคัญทางการเมืองในออสเตรเลีย ส่งผลให้ทางการต้องบังคับใช้กฎหมายควบคุมการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติอย่างเข้มงวด โดยผู้กระทำผิดจะถูกลงโทษจำคุกนานถึง 3 ปี หรือจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 135,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 3.64 ล้านบาท) หากผู้ถือครองกรรมสิทธิ์เป็นแบบบุคคล และ 675,000 ดอลลาร์ (กว่า 18.12 ล้านบาท) สำหรับผู้ถือครองกรรมสิทธิ์เป็นบริษัท
นายสกอตต์ มอร์ริสัน รัฐมนตรีว่าการคลังออสเตรเลียเผยว่า จนถึงขณะนี้ มีการบังคับขายบ้านพักอาศัยผิดกฎหมายของชาวต่างชาติแล้วทั้งสิ้น 61 หลัง คิดเป็นมูลค่ารวม 107 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2,900 ล้านบาท) นอกจากนี้ ยังมีชาวต่างชาติอีก 36 คนตัดสินใจขายบ้าน ขณะที่กำลังถูกทางการตรวจสอบ การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาการถือครองอสังหาริมทรัพย์ผิดกฎหมายในออสเตรเลีย
ปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงจากการกว้านซื้อบ้านของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ทำให้พลเมืองออสเตรเลียไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้.- สำนักข่าวไทย