กัวลาลัมเปอร์ 27 ก.ย.- นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ของมาเลเซีย แถลงแผนเศรษฐกิจ 5 ปี ฉบับใหม่ในวันนี้ รับปากเพิ่มการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานและเก็บภาษีคาร์บอน ขณะหาทางนำพาประเทศหลุดพ้นจากเศรษฐกิจซบเซาเพราะการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรีแถลงแผนเศรษฐกิจฉบับที่ 12 ต่อรัฐสภาในวันนี้ว่า เป็นแผนพัฒนาอย่างครอบคลุมที่จะมีการปฏิรูปขนานใหญ่ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน และกระจายโอกาสอย่างเท่าเทียมมากขึ้น คาดว่า ฐานะการเงินของประเทศจะดีขึ้นในปี 2566 โดยได้ตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 4.5-5.5 ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า เทียบกับปี 2559-2563 ที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.7 ต่อปี เพราะปี 2563 หดตัวร้อยละ 5.6 จากโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี ปี 2563 รายได้ต่อหัวประชากรของมาเลเซียเพิ่มขึ้นเป็น 42,500 ริงกิต (ราว 338,800 บาท) ต่ำกว่าเกณฑ์ที่จะเป็นประเทศรายได้สูงเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ภายในปี 2567
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแถลงต่อไปว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณ 400,000 ล้านริงกิต (เกือบ 3 ล้าน 2 แสนล้านบาท) ดำเนินโครงการพัฒนาในปัจจุบันและอนาคตระหว่างปี 2564-2568 ประกอบด้วยการสร้างทางหลวงและเครือข่ายรถไฟเชื่อมเขตชนบทกับเขตเมืองและนิคมอุตสาหกรรม สร้างบ้านราคาซื้อหาได้ ปรับปรุงบริการสาธารณสุข การศึกษา และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ขณะเดียวกันจะเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ด้วยการใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจ เช่น การเก็บภาษีคาร์บอน การกำหนดราคาคาร์บอน นอกจากนี้ยังจะลดการพึ่งพาแรงงานต่างชาติ สนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและย่อม และยกระดับประเทศเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย