ซิดนีย์ 27 ก.ย. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียจะอนุญาตให้ประชาชนในนครซิดนีย์ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้รับอิสระจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้มาเป็นเวลานานในช่วงกลางเดือนตุลาคม ในขณะที่พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ลดลง
รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก ระบุว่า ทางการเตรียมยกเลิกคำสั่งอยู่แต่ในบ้านในนครซิดนีย์และพื้นที่โดยรอบเมื่อมีอัตราฉีดวัคซีนสองโดสร้อยละ 70 ขณะที่ผับ ร้านอาหาร และร้านค้าที่ถูกสั่งปิด จะได้รับอนุญาตให้เปิดบริการให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบถ้วน ส่วนครอบครัวและเพื่อนฝูงในนครซิดนีย์จะสามารถพบปะกันได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 เดือน อย่างไรก็ดี ประชาชนวัยผู้ใหญ่ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนจะต้องรอต่อไปจนถึงวันที่ 1 ธันวาคมเป็นอย่างน้อยเพื่อได้รับอิสระในการใช้ชีวิตแบบเดียวกัน ซึ่งในตอนนั้นคาดว่าจะมีอัตราฉีดวัคซีนราวร้อยละ 90
นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าววันนี้ว่า เธอค่อนข้างมั่นใจว่ารัฐนิวเซาท์เวลส์จะบรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนร้อยละ 70 ในวันที่ 11 ตุลาคม และขอความร่วมมือให้ทุกคนอย่ายอมแพ้ในช่วงสุดท้ายก่อนถึงกำหนดดังกล่าว ทั้งยังกล่าวเตือนว่า โรงพยาบาลหลายแห่งยังคงเผชิญกับภาวะตึงตัวจากยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่กลับมาเปิดเมืองอีกครั้งหลังมีอัตราฉีดวัคซีนครบสองโดสร้อยละ 70 อย่างไรก็ดี แม้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่จะเพิ่มสูงขึ้น แต่ในตอนนั้นก็จะมีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรกและสองโดสเป็นจำนวนมาก ทำให้ช่วยลดอัตราผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้
ในขณะเดียวกัน รัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 787 คน ลดลงจากวันอาทิตย์ที่มี 961 คนและส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในนครซิดนีย์ และมีผู้เสียชีวิต 12 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตจากการระบาดครั้งล่าสุดทั้งหมด 309 ราย ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 99,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 1,200 คน. -สำนักข่าวไทย