เมลเบิร์น 21 ก.ย. – ตำรวจนครเมลเบิร์นของออสเตรเลียใช้กระสุนพริกไทยและกระสุนยางสลายกลุ่มผู้ชุมนุมหลายพันคนที่ฝ่าฝืนคำสั่งอยู่แต่ในบ้านด้วยการออกมารวมตัวกันสร้างความเสียหาย ปิดกั้นทางด่วน และทำร้ายเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย ในขณะที่ตำรวจจับกุมผู้ชุมนุมได้กว่า 40 คน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า วันนี้เป็นวันที่สองที่เกิดเหตุชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ในนครเมลเบิร์น หลังทางการรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก สั่งปิดสถานที่ก่อสร้างเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยระบุว่า การเดินทางของแรงงานก่อสร้างทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
นายเชน แพตตัน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐวิกตอเรีย กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เหตุประท้วงดังกล่าวถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายอย่างมากและเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ขณะที่สถานีโทรทัศน์ของออสเตรเลียและสื่อโซเชียลมีเดียเผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า กลุ่มผู้ชุมนุมพากันเดินขบวนบนท้องถนน จุดพลุควัน ร้องเพลง และทำลายรถตำรวจ โดยที่มีตำรวจม้าและเจ้าหน้าที่สวมชุดปราบจลาจลล้อมรอบ
กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีเพียงแรงงานก่อสร้าง แต่ยังมีผู้ต่อต้านการบังคับฉีดวัคซีนและการขยายคำสั่งล็อกดาวน์รัฐวิกตอเรีย โดยได้ประณามทั้งวัคซีน นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย และแกนนำสหภาพแรงงานที่สนับสุนนการฉีดวัคซีน นายแอนดรูว์ระบุว่า การกระทำที่รุนแรงและขัดขวางคำสั่งของทางการไม่ช่วยให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ลดลง แต่กลับทำให้เชื้อไวรัสโคโรนาแพร่กระจายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ คำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้างมีขึ้นหลังเกิดการประท้วงต่อต้านคำสั่งฉีดวัคซีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อวันจันทร์ โดยที่รัฐวิกตอเรียกำหนดให้แรงงานก่อสร้างทุกคนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดภายในสัปดาห์นี้. -สำนักข่าวไทย