ซิดนีย์ 20 ก.ย. – รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียพบยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่พุ่งสูงสุดในปีนี้ ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์พบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์
ทางการรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 567 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่มี 507 คนและส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในนครเมลเบิร์น โดยมีตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่สูงกว่า 500 คนติดต่อกันเป็นวันที่ห้า และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รัฐวิกตอเรียระบุว่า จะยกเลิกการใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดต่อเมื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดสให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่แล้วร้อยละ 70 โดยคาดว่าจะถึงเป้าหมายดังกล่าวในวันที่ 26 ตุลาคม และยังตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ร้อยละ 80 ก่อนเปิดฉาก “เมลเบิร์นคัพ” ซึ่งเป็นการแข่งม้าที่มีชื่อเสียงของออสเตรเลียในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ขณะนี้ รัฐวิกตอเรียฉีดวัคซีนโดสแรกไปได้ร้อยละ 72
ในขณะเดียวกัน นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก เผยวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 935 คน ลดลงจากวันอาทิตย์ที่มี 1,083 คนและทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม โดยพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์ระบุว่า มีประชาชนวัยผู้ใหญ่ร้อยละ 82 ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรก ซึ่งสูงกว่าอัตราฉีดวัคซีนโดสแรกทั่วประเทศที่มีร้อยละ 71 ในขณะที่ออสเตรเลียมีอัตราฉีดวัคซีนครบสองโดสได้ร้อยละ 47 ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 86,000 คน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 1,100 คน. -สำนักข่าวไทย