ปารีส 18 ก.ย. – ฝรั่งเศสเรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำออสเตรเลียและสหรัฐกลับประเทศ จากการณีข้อตกลงไตรภาคีด้านความมั่นคงระหว่างออสเตรเลีย สหรัฐและอังกฤษ ที่ส่งผลให้ข้อตกลงต่อเรือดำน้ำระหว่างฝรั่งเศสกับออสเตรเลียต้องล่มไป
นายฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า การตัดสินใจลักษณะที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสในครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากเป็นกรณีที่มีความสำคัญเป็นพิเศษมาก แหล่งข่าวทางการทูตในฝรั่งเศสกล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลปารีสเรียกตัวทูตกลับประเทศในลักษณะนี้
เมื่อวันพฤหัสบดี ออสเตรเลียกล่าวว่า จะยกเลิกข้อตกลงมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ที่ลงนามไปเมื่อปี 2016 เพื่อให้นาวัล กรุ๊ป บริษัทผลิตยุทโธปรกรณ์ของฝรั่งเศสต่อเรือดำนำแบบปกติให้ โดยออสเตรเลียจะต่อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์อย่างน้อย 8 ลำ ด้วยการใช้เทคโนโลยีจากสหรัฐและฝรั่งเศส หลังบรรลุข้อตกลงไตรภาคีด้านความมั่นคงที่เรียกว่า “ออคุส” (AUKUS) ซึ่งฝรั่งเศสเรียกกรณีนี้ว่าเป็นการแทงข้างหลังตน ออสเตรเลียกล่าวในตอนเช้าวันนี้ว่า รัฐบาลรู้สึกเสียใจที่มีการเรียกตัวทูตกลับประเทศและยังคงให้คุณค่าความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสและจะยังคงติดต่อกับรัฐบาลฝรั่งเศสในประเด็นอื่น ๆ ต่อไป
โฆษกกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวว่า รัฐบาลแคนเบอร์รา เข้าใจดีถึงความรู้สึกผิดหวังของฝรั่งเศสจากการตัดสินใจของออสเตรเลีย แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่เป็นไปตามผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของออสเตรเลียที่มีความชัดเจนและเปิดเผย ส่วนทางด้านสหรัฐ โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่า ฝรั่งเศสเป็นพันธมิตรที่มีความสำคัญและสหรัฐจะดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่างกันภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสใม่ได้กล่าวถึงอังกฤษแต่อย่างใด แต่แหล่งข่าวทางการทูตกล่าวว่า ฝรั่งเศสมองว่า อังกฤษเข้าร่วมข้อตกลงพันธมิตรด้านความมั่นคงในลักษณะที่เป็นโอกาสที่ดี.-สำนักข่าวไทย