ซิดนีย์ 15 ก.ย. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียจะยกเลิกคำสั่งห้ามประชาชนกว่า 2 ล้านคนในย่านชานเมือง 12 แห่งของนครซิดนีย์ออกนอกเคหสถานในยามวิกาล หรือเคอร์ฟิว ตั้งแต่คืนวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก กล่าวว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ในพื้นที่น่าวิตกกังวลมีแนวโน้มคงที่และลดลงอย่างน่าพอใจ แต่ได้รับคำแนะนำว่ายังเร็วเกินไปและมีความเสี่ยงที่จะผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ไปมากกว่านี้ ทั้งยังเตือนว่า ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะมีความผิดตามกฎหมาย หากเข้าไปในสถานที่สาธารณะเมื่อรัฐนิวเซาท์เวลส์มีอัตราฉีดวัคซีนครบสองโดสถึงร้อยละ 70 ซึ่งทางการได้สัญญาว่าจะให้อิสรภาพมากขึ้นแก่กลุ่มคนเหล่านี้ ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์เผยวันนี้ว่า ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกให้แก่ประชาชนวัยผู้ใหญ่ได้ร้อยละ 80 และฉีดวัคซีนครบสองโดสได้ร้อยละ 48 ซึ่งสูงกว่าอัตราฉีดวัคซีนทั่วประเทศที่ร้อยละ 43 แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 70
ในขณะเดียวกัน รัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 1,259 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่มี 1,127 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย ส่วนรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก รายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 423 คน ลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน และมีอัตราฉีดวัคซีนโดสแรกให้ประชาชนเกือบร้อยละ 70 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดแผนงานที่ตั้งไว้ 1 สัปดาห์ โดยที่ทางการจะผ่อนคลายมาตรการบางส่วนเกี่ยวกับข้อจำกัดการเดินทางและการออกกำลังกายนอกบ้าน ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 78,600 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 1,100 คน.-สำนักข่าวไทย