ซิดนีย์ 3 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย จะพยายามโน้มน้าวรัฐบาลท้องถิ่นและดินแดนของออสเตรเลียให้ปฏิบัติตามแผนเปิดประเทศอีกครั้งในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวทางดังกล่าวหลังนครซิดนีย์และนครเมลเบิร์นยังคงพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น
คณะรัฐมนตรีแห่งชาติของออสเตรเลียที่ประกอบด้วยรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นจะประชุมร่วมกันในประเด็นเกี่ยวกับแผนเปิดประเทศในวันนี้ ในขณะที่รัฐควีนส์แลนด์และรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียระบุว่า ทั้งสองรัฐอาจเลื่อนแผนเปิดพรมแดนระหว่างรัฐออกไปจนกว่าออสเตรเลียจะมีอัตราฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนร้อยละ 70-80 แม้คณะรัฐมนตรีแห่งชาติมีมติเห็นชอบในเดือนกรกฎาคมเกี่ยวกับการตั้งเป้าผ่อนคลายข้อจำกัดบางส่วนก็ตาม ขณะนี้ ออสเตรเลียฉีดวัคซีนครบสองโดสให้แก่ประชาชนได้เพียงร้อยละ 36 จากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน
นางแอนนาสตาเซีย พาลาสซ์ซุก มุขมนตรีรัฐควีนส์แลนด์กล่าวในวันนี้ว่า เธอต้องพิจารณาแบบจำลองอย่างละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบของโรคโควิด-19 ต่อเด็กก่อนที่จะตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการปิดพรมแดนระหว่างรัฐ ก่อนหน้านี้ นางพาลาสซ์ซุกเคยระบุว่า เธออาจจะไม่เปิดพรมแดนระหว่างรัฐจนกว่าเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขณะนี้ ออสเตรเลียเตรียมฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุ 12-15 ปีตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนเป็นต้นไป ทั้งนี้ การเปิดศึกระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางของออสเตรเลียมีขึ้นในขณะที่นายกมอร์ริสันต้องการยุติการใช้มาตรการล็อกดาวน์และเร่งฟื้นสภาพเศรษฐกิจก่อนถึงการเลือกตั้งในปีหน้า
ในขณะเดียวกัน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 1,431 คน ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง และมีผู้เสียชีวิต 12 คน ส่วนรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 208 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่มี 176 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 คน ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 58,200 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 คน.-สำนักข่าวไทย