ซิดนีย์ 10 ส.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียให้คำมั่นว่าจะยกระดับควบคุมการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในนครซิดนีย์ แต่ปฏิเสธข้อเสนอแนะที่ให้ใช้มาตรการเข้มงวดขึ้น เช่น คำสั่งห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในยามวิกาล หรือเคอร์ฟิว หลังนครซิดนีย์พบยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่พุ่งสูงสุด
รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 343 คน เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ 66 คน และทำลายสถิติยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวันสูงสุดเมื่อวันเสาร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ระบุว่า ได้ขอให้ตำรวจช่วยตรวจสอบจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปซื้อของในร้านค้าขนาดเล็กในช่วงเวลาเดียวกัน เนื่องจากยังคงพบว่ามีผู้เดินทางออกนอกบ้านจำนวนมากโดยไม่มีเหตุจำเป็น นอกจากนี้ รัฐนิวเซาท์เวลส์ยังได้ตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ได้ 6 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนนี้ หากต้องการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในนครซิดนีย์ให้ทันกำหนดสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 28 สิงหาคม ขณะนี้ รัฐนิวเซาท์เวลส์ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 4.5 ล้านโดส และฉีดวัคซีนครบสองโดสให้แก่ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปได้กว่าร้อยละ 23
ในขณะเดียวกัน รัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 20 คน เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่มี 11 คน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อมากถึง 15 คนที่เดินทางไปทั่วชุมชนในขณะติดเชื้อ และทำให้เจ้าหน้าที่รัฐวิกตอเรียวิตกกังวลอย่างมาก ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 36,700 คน และผู้เสียชีวิต 942 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว.-สำนักข่าวไทย