วอชิงตัน 30 ก.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ขอให้รัฐบาลท้องถิ่นจ่ายเงินให้แก่ประชาชนเพื่อจูงใจให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ให้พนักงานของรัฐบาลกลางต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ไม่เช่นนั้นจะถูกตรวจหาเชื้อโควิดเป็นประจำ บังคับสวมหน้ากากอนามัย และจำกัดการเดินทาง
ประธานาธิบดีไบเดนแถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ขณะนี้มีประชาชนมากมายที่ต้องเสียชีวิตหรือสูญเสียคนรัก เสรีภาพต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ เขาขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณอย่างมีความรับผิดชอบและเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อตัวเอง คนรัก และประเทศชาติ ทั้งยังระบุว่า เขารู้ดีว่าการจ่ายเงินให้ประชาชนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเพื่อเป็นแรงจูงใจเข้ารับการฉีดวัคซีนอาจฟังดูไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว แต่ข้อแลกเปลี่ยนที่ได้ก็คือ ถ้าสิ่งจูงใจช่วยให้ประเทศเอาชนะเชื้อไวรัสโคโรนาได้ เขาเชื่อว่าก็ควรใช้วิธีนี้
มาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีไบเดนในการกระตุ้นชาวอเมริกันที่ไม่เต็มใจฉีดวัคซีน ในขณะที่เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดียและแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วกำลังระบาดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ประธานาธิบดีไบเดนยังตัดสินใจให้พนักงานและลูกจ้างของรัฐบาลกลางหลายล้านคนต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนทั้งที่ก่อนหน้านี้มีผู้คนต่อต้านการใช้เอกสารดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐมีท่าทีเข้มงวดยิ่งขึ้นต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ภายใต้การควบคุมของประธานาธิบดีไบเดนในขณะที่เกิดการระบาดของเชื้อโควิด นอกจากนี้ พนักงานของรัฐบาลกลางที่ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดเป็นประจำทุก 1-2 สัปดาห์และถูกจำกัดการเดินทางอย่างเป็นทางการ ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ระบุว่า สหรัฐฉีดวัคซีนครบสองโดสให้แก่ประชาชนราว 163.8 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 330 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นอัตราฉีดวัคซีนที่อยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แม้สหรัฐจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนฟรีก็ตาม.-สำนักข่าวไทย