ซิดนีย์ 24 ก.ค.- ชาวออสเตรเลียในนครซิดนีย์และอีกหลายเมืองออกมาชุมนุมตามท้องถนนในวันนี้ ประท้วงการใช้มาตรการล็อกดาวน์ จนเกิดการปะทะกับตำรวจ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้นในหลายเมือง
ผู้ชุมนุมไม่สวมหน้ากากอนามัยเคลื่อนขบวนจากสวนสาธารณะวิกตอเรียปาร์คในนครซิดนีย์ไปยังศาลาว่าการเมือง ถือป้ายเรียกร้องเสรีภาพและความจริง ตำรวจและตำรวจปราบจลาจลเข้าจับกุมผู้ชุมนุมที่ขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ตำรวจแถลงว่า สนับสนุนสิทธิการแสดงความเห็นอย่างเสรีและการชุมนุมอย่างสันติ แต่การชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้รับอนุญาตและละเมิดคำสั่งสาธารณสุข รัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอกมียอดติดเชื้อสูงสุดครั้งใหม่อีกครั้งที่ 163 คนในช่วง 24 ชั่วโมง ทางการใช้มาตรการล็อกดาวน์มา 4 สัปดาห์แล้ว
ส่วนที่นครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิกตอเรีย ผู้ชุมนุมไม่สวมหน้ากากอนามัยรวมตัวหน้ารัฐสภาของรัฐ ตะโกนเรียกร้องเสรีภาพ บางคนจุดพลุแฟลร์ที่เป็นพลุสัญญาณส่องสว่าง นอกจากนี้ยังมีการชุมนุมที่เมืองแอดิเลด เมืองเอกของรัฐเซาท์ออสเตรเลียที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เช่นเดียวกัน ตำรวจเตือนจะจับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียกล่าววันนี้ว่า ขณะนี้สามารถฉีดวัคซีนได้สัปดาห์ละ 1 ล้านโดส เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการไปถึงภายในสิ้นปีนี้ หรืออาจจะบรรลุได้เร็วกว่านั้น จนถึงขณะนี้มีชาวออสเตรเลียวัย 16 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วร้อยละ 15.4 รัฐบาลกลางจะจัดส่งวัคซีนของไฟเซอร์อีกหลายพันโดสไปให้นครซิดนีย์ เมืองที่มีคนมากที่สุดในประเทศ และขอให้คนวัยผู้ใหญ่ในเมืองนี้พิจารณาอย่างจริงจังเรื่องฉีดวัคซีนของแอสตราเซนเนกาแทนของไฟเซอร์ที่มีไม่มาก.-สำนักข่าวไทย