สิงคโปร์เผยผู้ป่วยโควิดที่ฉีดวัคซีนครบแทบไม่มีอาการป่วย

สิงคโปร์ 23 ก.ค. – สิงคโปร์เผยว่า ในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว ติดเชื้อโควิดจำนวน 484 คน และทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการป่วยเล็กน้อยเท่านั้น


กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุว่า ในรอบ 28 วันที่ผ่านมา พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในประเทศ 1,096 คน ในจำนวนนี้มี 484 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส มีร้อยละ 30 ที่ได้รับวัคซีนโดสแรก และมีร้อยละ 25 ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน อีกทั้งยังมีผู้ป่วยเพียง 7 รายที่มีอาการหนักและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ในจำนวนนี้ มี 6 คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน และมี 1 คนที่ได้รับวัคซีนโดสแรก กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ยังระบุเพิ่มเติมว่า มีหลักฐานยืนยันอย่างต่อเนื่องว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดช่วยป้องกันอาการรุนแรงได้เมื่อติดเชื้อไวรัสโคโรนา และพบว่าชาวสิงคโปร์ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนและติดเชื้อโควิดทั้งหมดไม่มีอาการป่วยหรือมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย

ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญหลายรายระบุว่า การพบผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วติดเชื้อไม่ได้หมายความว่า วัคซีนไร้ประสิทธิภาพ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าวว่า ยิ่งชาวสิงคโปร์ฉีดวัคซีนมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งพบการติดเชื้อในกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนแล้วมากขึ้นเท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องเปรียบเทียบสัดส่วนดังกล่าวกับผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน เพราะหากทุกคนในสิงคโปร์ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ผู้ป่วยติดเชื้อก็จะมีแต่ผู้ที่ได้รับวัคซีน เพราะไม่เหลือคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน


สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ขณะนี้สิงคโปร์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดให้แก่ประชาชนเกือบร้อยละ 75 จากประชากรทั้งหมด 5.7 ล้านคน ทำสถิติสูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมีชาวสิงคโปร์ครึ่งหนึ่งจากประชากรทั้งหมดที่ได้รับวัคซีนครบสองโดส ทั้งนี้ สิงคโปร์ใช้วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาในโครงการฉีดวัคซีน

ทางการสิงคโปร์รายงานเมื่อวานนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ 162 คน ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 11 เดือน และทำให้ทางการต้องใช้มาตรการจำกัดการรวมตัวของประชาชนในขณะที่กำลังเร่งอัตราฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัย ขณะนี้ สิงคโปร์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 63,900 คน และผู้เสียชีวิตเพียง 36 ราย. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น-อีสานอุณหภูมิลดลงอีกเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคอีสาน ส่วนภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก