เมลเบิร์น/ซิดนีย์ 20 ก.ค. – รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียจะใช้มาตรการล็อกดาวน์ในนครเมลเบิร์นต่ออีก 7 วัน ขณะที่รัฐเซาท์ออสเตรเลียประกาศล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วันหลังพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก ระบุวันนี้ว่า ทางการพบความเชื่อมโยงของการระบาดที่ยังควบคุมไม่ได้และไม่ทราบที่มา หากยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในตอนนี้ ก็อาจจะทำให้เชื้อโควิดแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว การระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อโควิดในรัฐวิกตอเรียเป็นเครื่องยืนยันว่า ทางการตัดสินใจถูกต้องที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ และรู้สึกเสียใจต้องบอกกับทุกคนว่า จำเป็นต้องขยายการใช้มาตรการดังกล่าวออกไปอีก 7 วันจากกำหนดเดิมที่สิ้นสุดในช่วงเที่ยงคืนของวันนี้ ขณะที่ทางการรัฐวิกตอเรียรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชน 9 คน ลดลงจากวันก่อนที่มี 13 คน ในจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดของวันนี้ มี 8 คนที่มีประวัติสัมผัสเชื่อมโยงกัน และมี 1 คนที่ไม่ทราบที่มาของการติดเชื้อ ขณะนี้ ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรัฐวิกตอเรียมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และพบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจากการระบาดครั้งล่าสุดกว่า 80 คน ขณะที่รัฐเซาท์ออสเตรเลียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วันหลังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตารายใหม่ และมีผู้ป่วยติดเชื้อ 5 คนที่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์โควิดครั้งล่าสุดของออสเตรเลีย
ในขณะเดียวกัน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก รายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชน 78 คน ลดลงจากวันก่อนหน้าที่มี 98 คน ในขณะที่กำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ในสัปดาห์ที่สี่ และทำให้มียอดผู้ป่วยติดสะสมเชื้อจากการระบาดครั้งล่าสุดกว่า 1,400 คน ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 32,000 คน และผู้เสียชีวิต 915 คน.-สำนักข่าวไทย