เมลเบิร์น/ซิดนีย์ 19 ก.ค. – รัฐวิกตอเรียจะขยายมาตรการล็อกดาวน์นครเมลเบิร์นออกไปจากกำหนดเดิมที่จะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ แม้พบยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ทางการรัฐเร่งควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดียและแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว
นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก กล่าววันนี้ว่า เขาจะไม่ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้อยู่ในตอนนี้ เนื่องจากยังคงพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชน ทั้งยังระบุว่า จะเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ทางการรัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของออสเตรเลีย รายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชน 13 คน ลดลงจากวันก่อนที่มี 16 คน และผู้ป่วยทั้งหมดมีประวัติสัมผัสเชื่อมโยงกัน
ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก รายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชน 98 คน ลดลงจากวันก่อนที่มี 105 คน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่อย่างน้อย 20 คนเดินทางไปทั่วชุมชนขณะติดเชื้อ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวในงานแถลงข่าวที่ถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ว่า ยิ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงใกล้เลขศูนย์มากเท่าไหร่ ทางการก็จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ได้เร็วขึ้นเท่านั้น แม้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่จะลดลงในวันนี้ แต่นางเบเรจิกเลียนระบุว่า ทางการรัฐจะยังคงไม่เห็นผลของมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดและต้องรอไปอีก 4-5 วันข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ รัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ยกระดับข้อบังคับที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในนครซิดนีย์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสั่งห้ามประชาชนราว 600,000 คนในย่านชานเมืองนครซิดนีย์ที่พบการระบาดรุนแรงออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน รวมถึงสั่งปิดร้านค้าและสถานที่ก่อสร้างที่ไม่จำเป็น ทั้งนี้ นครซิดนีย์จะยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ไปจนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 31,900 คน และผู้เสียชีวิต 914 คน.-สำนักข่าวไทย