ฮ่องกง 16 ก.ค. – ผลการวิจัยของฮ่องกงระบุว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของไบโอเอนเทคที่พัฒนาร่วมกับไฟเซอร์มีปริมาณแอนติบอดีมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนของซิโนแวกถึง 10 เท่า
ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกงที่ทำการศึกษาในกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 1,442 คนและได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซ็ต ไมโครบเมื่อวานนี้ระบุว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดของซิโนแวกมีปริมาณแอนติบอดี ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างจากระบบภูมิต้านทานของคน ในระดับใกล้เคียงหรือน้อยกว่าในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อและรักษาหายจากโรคโควิดแล้ว ทั้งยังมีหลักฐานเพิ่มเติมที่ชี้ว่า วัคซีนชนิด mRNA ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ เช่น วัคซีนของไบโอเอนเทคและโมเดอร์นา มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาและเชื้อโควิดกลายพันธุ์ได้ดีกว่าวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีดั้งเดิม เช่น วัคซีนที่ใช้เชื้อตายของไวรัส อย่างไรก็ดี วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีดั้งเดิมใช้ต้นทุนในการผลิตน้อยและง่ายต่อการเก็บรักษาหรือขนส่ง ทำให้เหมาะแก่การนำไปใช้ควบคุมการระบาดในกลุ่มประเทศที่ไม่ร่ำรวย
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุในรายงานดังกล่าวว่า แอนติบอดีไม่ได้เป็นตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียวถึงความสำเร็จของวัคซีนในการป้องกันโรคบางชนิด แต่ความแตกต่างของปริมาณแอนติบอดีที่พบในผลการวิจัยครั้งนี้สามารถตีความได้ถึงความแตกต่างอย่างมากในเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนทั้งสองชนิด อย่างไรก็ดี เบน โคว์ลิง นักระบาดวิทยาและหนึ่งในคณะผู้เขียนผลการวิจัยดังกล่าวแนะนำว่า ผู้คนทั่วไปควรเข้ารับการฉีดวัคซีนของซิโนแวก หากไม่มีตัวเลือกอื่น เพราะการได้รับการป้องกันบ้างย่อมดีกว่าไม่ได้รับอะไรเลย. -สำนักข่าวไทย