เมลเบิร์น 15 ก.ค. – รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียประกาศล็อกดาวน์นครเมลเบิร์นเป็นเวลา 5 วันตั้งแต่เที่ยงคืนของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่เชื่อมโยงกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในนครซิดนีย์ที่กำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์
รัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก ระบุว่า จะสั่งให้ประชาชนราว 6.6 ล้านคนในนครเมลเบิร์นอยู่แต่ในบ้านตั้งแต่เที่ยงคืนของวันนี้ ยกเว้นผู้ที่จำเป็นต้องออกไปซื้อของ ทำงาน ออกกำลังกาย ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ หรือเข้ารับการฉีดวัคซีน คำสั่งล็อกดาวน์ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ห้าของนครเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของออสเตรเลีย นับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศ และทำให้ชาวออสเตรเลียในนครเมลเบิร์นและนครซิดนีย์ที่มีประชากรรวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด 25 ล้านคนของออสเตรเลียต้องใช้ชีวิตภายใต้มาตรการล็อกดาวน์
นายแดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีของรัฐวิกตอเรียกล่าวในงานแถลงข่าวถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ว่า ทางการต้องรีบใช้โอกาสในการควบคุมการระบาดในทันที เพราะถ้ามัวแต่รีรอ ลังเล หรือสงสัย ก็จะต้องมานั่งเสียใจภายหลังว่าทำไมไม่ลงมือทำเสียตั้งแต่แรก พร้อมทั้งระบุว่า เขาจะไม่พยายามหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์เป็นเวลา 5 วันแล้วส่งผลในเวลาต่อมาให้เกิดการล็อกดาวน์เป็นเวลา 5 สัปดาห์หรือ 5 เดือนในภายหลัง
ก่อนหน้านี้ รัฐวิกตอเรียพยายามควบคุมการะบาดในชุมชนได้เป็นอย่างดีในขณะที่เกิดการระบาดในย่านชายหาดที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองของนครซิดนีย์จนแพร่กระจายไปทั่วเมืองและพื้นที่โดยรอบเมื่อเดือนก่อน อย่างไรก็ดี ทีมพนักงานขนย้ายเฟอร์นิเจอร์จากนครซิดนีย์ได้เดินทางมาทำงานที่นครเมลเบิร์นในขณะที่ติดเชื้อและทำให้เกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งในสัปดาห์นี้ แม้รัฐวิกตอเรียแทบจะไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ แต่กลับพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 18 คนในช่วงสองวันที่ผ่านมา ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 31,400 คน และผู้เสียชีวิต 912 คน.-สำนักข่าวไทย