fbpx

ฟิลิปปินส์จะส่งกล่องดำเครื่องบินลำเลียงให้สหรัฐตรวจสอบ

มะนิลา 7 ก.ค. – ฟิลิปปินส์จะส่งกล่องดำของเครื่องบินลำเลียงซี-130 เฮอร์คิวลิสที่ประสบเหตุตกขณะลงจอดในช่วงสุดสัปดาห์ให้ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐช่วยเปิดกล่องดำและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว


ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฟิลิปปินส์กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า สหรัฐได้ให้คำมั่นว่าจะช่วยฟิลิปปินส์ดึงข้อมูลเกี่ยวกับการบินและบันทึกเสียงสนทนาของนักบินที่อาจช่วยให้ค้นพบสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 53 รายที่เมืองโฮโลในจังหวัดซูลูทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ เขายังระบุว่า ฟิลิปปินส์ไม่สามารถเปิดกล่องดำได้เอง จึงต้องขอให้ผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด แต่เขาไม่ได้ระบุเกี่ยวกับกำหนดเวลาว่า ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐจะดำเนินการดึงข้อมูลจากกล่องดำทั้งสองกล่องได้เสร็จสิ้นเมื่อใด แต่กล่าวเพียงว่า กระบวนการดังกล่าวต้องใช้ความละเอียดรอบคอบเพื่อให้ได้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง นอกจากนี้ เขายังไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการตั้งข้อสงสัยว่า สภาพอากาศที่ย่ำแย่หรือความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์อาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว โดยระบุเพียงว่า เขาจะรอรายงานอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่สืบสวน ขณะนี้ฟิลิปปินส์สามารถระบุตัวผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บได้ 16 ราย เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บบางส่วนที่ถูกไฟเผาไหม้จนระบุตัวตนไม่ได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้บันทึกด้านทันตกรรมและการทดสอบทางนิติเวชเพื่อระบุตัวบุคคล

ก่อนหน้านี้ พลเอกลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ได้เสนอความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่นายเดลฟิน ลอเรนซานา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ ในขณะที่ทั้งสองหารือผ่านโทรศัพท์เกี่ยวกับอุบัติเหตุดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า พลเอกออสตินและนายลอเรนซานาได้พูดคุยเกี่ยวกับการสนับสนุนด้านการอพยพทางการแพทย์โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐและความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ เช่น การระบุตัวผู้เสียชีวิต


เครื่องบินลำเลียงซี-130 เฮอร์คิวลิสบรรทุกกำลังพลของกองทัพฟิลิปปินส์ 96 นายไปปฏิบัติภารกิจปราบปรามเหตุไม่สงบ แต่กลับประสบเหตุตกขณะลงจอดจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 53 ราย ถือเป็นอุบัติเหตุทางอากาศครั้งรุนแรงที่สุดของกองทัพฟิลิปปินส์ในรอบเกือบ 30 ปี ทั้งนี้ ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีประชาชนบนภาคพื้นดินเสียชีวิต 3 ราย และที่เหลือเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ใต้ พายุฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อย

ยังระดมฉีดน้ำ-โฟม สกัดเพลิงไหม้โกดังสารเคมี

เหตุเพลิงลุกไหม้โกดังเก็บสารเคมี ที่จังหวัดระยอง ผ่านมากว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้เพลิงสงบ ขณะที่ล่าสุด จ.ระยอง ประกาศให้พื้นที่ 2 ตำบล เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย

“บิ๊กโจ๊ก” ถอนคำร้องเอาผิด “เศรษฐา” อ้างไม่ติดใจแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด “นายกฯ เศรษฐา” กรณีปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม ม.157 อ้างไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว