ซิดนีย์ 5 ก.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก ระบุวันนี้ว่า สถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในอีกสองวันข้างหน้าจะสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจว่า จะขยายคำสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านที่จะสิ้นสุดในวันที่ 9 กรกฎาคมหรือไม่
ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชน 35 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดของปีในรัฐนี้ ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อ 28 คนที่อยู่ในช่วงกักตัวหรืออยู่ในช่วงระยะแพร่เชื้อ และมีผู้ป่วยติดเชื้ออีก 7 คนที่เดินทางไปทั่วชุมชนขณะติดเชื้อโควิด ขณะนี้ รัฐนิวเซาท์เวลส์พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 300 คนจากการระบาดครั้งล่าสุดตั้งแต่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกที่หาดบอนไดในย่านชานเมืองของนครซิดนีย์เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดียและแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า ทางการคาดว่าจะพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากผู้ที่กำลังกักตัวรอดูอาการ สิ่งที่ทางการให้ความสำคัญอย่างยิ่งก็คือการค้นหาจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อในชุมชนและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจขยายมาตรการที่ใช้อยู่ในขณะนี้ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า มาตรการล็อกดาวน์ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ให้อยู่ในตัวเลขหลักสิบแทนที่จะเป็นตัวเลขหลักร้อย แม้จะมีประชาชนจำนวนมากฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวจนทำให้เชื้อโควิดแพร่ระบาดเป็นวงกว้างขึ้น ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 30,700 คน และผู้เสียชีวิต 910 คน. -สำนักข่าวไทย