เยรูซาเลม 5 ก.ค.-อิสราเอล เผยผลการศึกษาว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพลดลงมาก และแพทย์ส่วนใหญ่เห็นว่า ควรฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิให้แก่กลุ่มเสี่ยงป่วยหนัก
เว็บไซต์วายเน็ตนิวส์รายงานว่า ข้อมูลที่นำเสนอต่อกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันอาทิตย์ชี้ว่า เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่พบในอินเดียเป็นแห่งแรกเริ่มแพร่ไปทั่วอิสราเอล ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อได้ลดลงอย่างมากจากร้อยละ 94 เหลือร้อยละ 64 ขณะที่หนังสือพิมพ์ฮาอาเร็ตซ์รายงานวันนี้อ้างเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขว่า ผลการจัดลำดับพันธุกรรมพบว่า ผู้ติดเชื้อใหม่ในช่วง 2 สัปดาห์มานี้ ร้อยละ 90 เป็นไวรัสสายพันธุ์เดลตา
กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเผยว่า ข้อมูลที่เก็บบันทึกระหว่างวันที่ 2 พฤษภาคม-5 มิถุนายนพบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อสูงถึงร้อยละ 94.3 และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักสูงถึงร้อยละ 98.2 แต่ข้อมูลที่เก็บบันทึกตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน หรือ 5 วันหลังจากอิสราเอลยกเลิกมาตรการจำกัดการระบาดเกือบทั้งหมด ประสิทธิภาพดังกล่าวลดลงเหลือร้อยละ 64 และร้อยละ 93 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ติดเชื้อใหม่ร้อยละ 55 เป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 เข็ม อย่างไรก็ตาม วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลได้
เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเผยว่า ในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ ยังไม่มีการตัดสินใจว่าควรฉีดวัคซีนเข็ม 3 กระตุ้นภูมิให้แก่กลุ่มเสี่ยงหรือไม่ แต่เชื่อว่าแพทย์ส่วนใหญ่เห็นด้วยตามที่มีเสียงเรียกร้องในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุขจะประชุมในวันนี้เรื่องการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ขณะที่คณะรัฐมนตรีจะประชุมในวันอังคารเพื่อพิจารณานำมาตรการจำกัดกลับมาใช้ควบคุมการระบาดอีกครั้ง อิสราเอลมียอดติดเชื้อโรคโควิด-19 สะสมกว่า 843,100 คน เสียชีวิตกว่า 6,400 คน.-สำนักข่าวไทย