มาเลเซียจะใช้วัคซีนโควิดที่กำลังพัฒนาเป็นเข็ม 3

เปตาลิงจายา 4 ก.ค.- สถาบันเพื่อการวิจัยการแพทย์มาเลเซียเผยว่า มาเลเซียจะใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้เป็นวัคซีนเข็มที่ 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และเพื่อลดการพึ่งพาวัคซีนนำเข้าเพียงอย่างเดียว


ดร.ทาฮีร์ อาริส ผู้อำนวยการสถาบันกล่าวขณะเยี่ยมชมห้องทดลองปฏิบัติการของสถาบันในมืองเซเตีย อาลาม รัฐสลังงอร์ในวันนี้ว่า การพัฒนาวัคซีนเองมีความสำคัญต่อการเดินหน้าต่อสู้กับโรคโควิด-19 มาเลเซียไม่ควรพึ่งพาแต่วัคซีนนำเข้าเพียงอย่างเดียว วัคซีนที่กำลังพัฒนาอยู่นี้จะใช้เป็นวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว และอาจต้องฉีดทุกปี โดยหวังว่าจะสามารถต้านทานไวรัสสายพันธุ์ที่น่ากังวลอย่างสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ได้ง่ายด้วย และต้องพัฒนาเผื่อจากการระบาดในปัจจุบัน เพื่อรับมือกับการระบาดในอนาคต

สถาบันเพื่อการวิจัยการแพทย์มาเลเซีย สังกัดกระทรวงสาธารณสุข กำลังพัฒนาวัคซีนโควิด 2 ชนิด ประกอบด้วยวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ และวัคซีนที่ใช้เชื้อตาย วัคซีนแบบหลังนี้จะเริ่มทดลองกับสัตว์ในเดือนหน้าที่สถาบันวิจัยสัตวแพทย์ศาสตร์ในเมืองอีโปห์ รัฐเประ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จึงจะเริ่มทดลองทางคลินิกกับคนในปีหน้า หวังว่าจะเป็นวัคซีนพร้อมใช้ได้ในปี 2567.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]