ซิดนีย์ 1 ก.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียเตือนว่า ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ในชุมชนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหม่ของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา
เจ้าหน้าที่ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 24 คน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อครึ่งหนึ่งที่มีประวัติเดินทางไปทั่วชุมชน ในขณะที่นครซิดนีย์เข้าสู่ช่วงกลางของมาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดียและแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้ รัฐนิวเซาท์เวลส์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจากการระบาดครั้งล่าสุดเกือบ 200 คนนับตั้งแต่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกที่เป็นพนักงานขับรถลีมูซีนรับส่งลูกเรือสายการบินระหว่างประเทศเมื่อกว่าสองสัปดาห์ก่อน
นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า ผู้ป่วยติดเชื้อครึ่งหนึ่งของยอดผู้ป่วยรายใหม่วันนี้มีประวัติเดินทางไปทั่วชุมชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวล ทางการจะต้องเฝ้าระวังกรณีดังกล่าวต่อไปเพื่อนำมาใช้เป็นตัวประเมินความสำเร็จในการควบคุมการระบาด ทั้งยังระบุว่า ประชาชนหลายคนที่มีอาการคล้ายโรคหวัดต่างเพิกเฉยต่อคำสั่งล็อกดาวน์และออกไปทำธุระของตนเองนอกบ้าน การกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะทุกคนควรคิดว่าตัวเองมีเชื้อไวรัสและอาจทำให้คนอื่นติดเชื้อได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกัน รัฐควีนส์แลนด์พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชน 2 คน ขณะที่ดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 1 คน ส่วนรัฐเซาท์ออสเตรเลียและรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อในชุมชน ขณะนี้ นครซิดนีย์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ นครเพิร์ทในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย นครบริสเบนในรัฐควีนส์แลนด์ และนครดาร์วินในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี กำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 30,550 คน และผู้เสียชีวิต 910 คน.-สำนักข่าวไทย