ซิดนีย์ 23 มิ.ย. – ผู้โดยสารที่เดินทางในเที่ยวบินระหว่างออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์จำนวน 2 เที่ยวบินถูกสั่งให้แยกกักตัวรอดูอาการและเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทันที หลังเจ้าหน้าที่ของนครซิดนีย์พบผู้ที่เดินทางกลับมาจากกรุงเวลลิงตันของนิวซีแลนด์ติดเชื้อโควิด
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่การระบาดของโรคโควิด-19 ในนครซิดนีย์ยังคงเพิ่มสูงขึ้น และทำให้นิวซีแลนด์ตัดสินใจระงับโครงการระเบียงท่องเที่ยว หรือทราเวล บับเบิล ในเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก เป็นเวลา 3 วันตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่เจ้าหน้าที่ของออสเตรเลียเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินแควนตัสที่ออกเดินทางไปยังกรุงเวลลิงตันเมื่อวันศุกร์และเที่ยวบินของสายการบินแอร์นิวซีแลนด์ที่ออกเดินทางไปยังนครซิดนีย์เมื่อวันจันทร์ให้อยู่ในบัญชีสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามที่เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียกำหนดไว้
รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 21 คนในรอบ 6 วันที่ผ่านมา รัฐดังกล่าวยังได้ใช้คำสั่งบังคับประชาชนในนครซิดนีย์สวมหน้ากากอนามัยในอาคารทุกแห่ง เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่องค์การอนามัยโลกจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลร่วมกับสายพันธุ์อื่นอีก 3 สายพันธุ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขนิวซีแลนด์กำลังพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์ในกรุงเวลลิงตัน เนื่องจากผู้เดินทางคนดังกล่าวที่มีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกในนครซิดนีย์มีแนวโน้มไปเที่ยวในหลายจุดท่องเที่ยวของกรุงเวลลิงตัน
ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์เปิดโครงการทราเวล บับเบิล ร่วมกันในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็มีคำสั่งระงับโครงการดังกล่าวเป็นครั้งคราวหรือเฉพาะจุด เนื่องจากออสเตรเลียพบการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นกลุ่มก้อนเล็ก ๆ ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 30,300 คน และผู้เสียชีวิต 910 คน ขณะที่นิวซีแลนด์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 2,300 คน และผู้เสียชีวิต 26 คน.-สำนักข่าวไทย