ซิดนีย์ 21 พ.ค. – ออสเตรเลียเรียกร้องให้ประชาชนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เนื่องจากเกรงว่าความลังเลใจในการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ประเทศเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้าย
ออสเตรเลียเป็นประเทศหนึ่งที่ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี แต่กลับประสบปัญหาล่าช้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชน และพบข้อมูลที่ยืนยันว่า ประชาชนสูงวัยรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซเนกามากกว่าการติดเชื้อโควิด ขณะที่นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้ประชาชนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด และถ้าคนใดมีอายุมากกว่า 70 ปี ก็ยิ่งสนับสนุนให้ฉีดวัคซีน ทั้งยังระบุเพิ่มเติมเพื่อพยายามคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่ได้รับการเผยแพร่เป็นวงกว้างว่า มารดาของเขาและมารดาของภรรยาของเขาก็ฉีดวัคซีนโควิดแล้ว และไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น
องค์การอนามัยโลกยังคงแนะนำให้ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา โดยระบุว่าประโยชน์ในการรักษาโรคมีมากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันชนิดหายาก อย่างไรก็ดี เอสเซนเชียล รีพอร์ต เผยผลสำรวจความเห็นครั้งล่าสุดว่า ชาวออสเตรเลียเพียงร้อยละ 42 ระบุว่าจะเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด ผลสำรวจดังกล่าวยังชี้ให้เห็นถึงความลังเลใจที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มประชาชนที่มีอายุมากกว่า 55 ปีต่อการฉีดวัคซีนนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลียประกาศว่า ประชาชนที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปีจะได้รับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอนเทคมากกว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกา
ขณะนี้ ออสเตรเลียมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ประมาณร้อยละ 25 ที่ยังไม่ได้ใช้ จากทั้งหมด 4.6 ล้านโดสที่กระจายไปทั่วประเทศ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 30,000 คน และผู้เสียชีวิตเพียง 910 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว.-สำนักข่าวไทย