ปักกิ่ง 12 พ.ค. – ศูนย์วิจัยประชากรและการพัฒนา ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการค้นคว้าวิจัยของรัฐบาลจีน กล่าววันนี้ว่า จีนคาดหมายว่าจะถึงจุดพลิกผันในช่วงระหว่างปี 2026-2030 ที่ประชากรจะอยู่ในระดับคงที่ หรือ อาจจะถึงขั้นลดลง โดยอัตราเฉลี่ยของทารกเกิดใหม่จะชะลอตัวลงก่อนที่จะพลิกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง
การจัดทำสำมะโนประชากรทั่วประเทศครั้งล่าสุด ซึ่งมีการเผยแพร่ผลการจัดทำไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาปรากฎว่า จีน ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในโลก มีพลเมืองเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.38 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงทศวรรษที่แล้ว หรือ คิดเป็น 1,410 ล้านคน ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวของประชากรที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษหลังปี 1950 เป็นต้นมา อัตราการเกิดของประชากรในจีนลดลงเนื่องจากนโยบายมีลูกแค่ 1 คน ที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายสิบปี ค่าใช้จ่ายในการครองชีพเพิ่มสูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม อัตราการเกิดของประชากรที่ติดลบ คาดว่าจะเกิดขึ้นเนื่องจากคนวัยหนุ่ม-สาวและวัยทำงานลดลง จีนพลาดเป้าหมายเพียงเล็กน้อยในการเพิ่มจำนวนประชากรให้ได้ 1,420 ล้านคนภายในปี 2020 อัตราการเกินลดลงเหลือ 1.3 ต่อสตรี 1 คน พลาดเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ราว ๆ 1.8 ต่อสตรี 1 คน ในปี 2020 มีเด็กทารกเกิดใหม่เพียง 12 ล้านคน ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1961 เป็นต้นมา ศาสตราจารย์ไจ้ เจิ้นหวู แห่งศูนย์วิจัยประชากรและการพัฒนา กล่าวว่า ยุคของการขยายตัวของประชากรเท่ากับศูนย์หรืออาจจะถึงขั้นติดลบกำลังค่อย ๆ มาถึง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบศตวรรษของจีน ทำให้กระทบกับจำนวนแรงงานที่มีคุณภาพและความต้องการของผู้บริโภค สัดส่วนของประชากรสูงวัยก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย.-สำนักข่าวไทย