กองทัพเมียนมาจับผู้ต้องสงสัย 39 คนข้อหาวางระเบิด

FILE PHOTO: An anti-coup protester walks past burning tires after activists launched a “garbage strike” against the military rule, in Yangon, Myanmar March 30, 2021. REUTERS/Stringer/File Photo

ย่างกุ้ง 12 พ.ค. – สื่อของทางการเมียนมารายงานว่า กองกำลังความมั่นคงเมียนมาจับกุมผู้ต้องสงสัย 39 คนที่คาดว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุวางระเบิดและลอบวางเพลิง รวมถึงผู้ที่พยายามเข้าร่วมการฝึกทหารกับกลุ่มกบฏชนกลุ่มน้อย


หนังสือพิมพ์เดอะโกลบอลนิวไลต์ออฟเมียนมาของทางการเมียนมารายงานว่า กองกำลังความมั่นคงของเมียนมาได้ยึดระเบิดแสวงเครื่อง 48 เครื่อง ระเบิด ทีเอ็นที 20 แท่ง ตัวจุดระเบิด ชนวนระเบิด เครื่องมืออื่น ๆ ที่ใช้ในการจู่โจม และวัตถุระเบิดอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงผงดินปืนอีกด้วย ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องสงสัยบางคนถูกจับกุมในข้อหาพยายามเข้าร่วมการฝึกทหารกับกลุ่มกบฏชนกลุ่มน้อยในรัฐกะยาทางตะวันออกของเมียนมา ขณะที่ญาติของชายคนหนึ่งที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในรายงานของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวระบุว่า กองกำลังความมั่นคงของเมียนมาได้บุกค้นบ้านเรือนเพื่อหาอาวุธ แต่ก็ไม่พบสิ่งใดในวันเดียวกับที่จับตัวผู้ต้องสงสัยไป ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกจับเคยเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐประหารในช่วงแรก แต่หยุดประท้วงตั้งแต่เจ้าหน้าที่ใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง

ในขณะเดียวกัน คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) เผยวานนี้ว่า กองทัพเมียนมายังคงไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะควบรวมอำนาจและทำให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนเกินเลยไปมากกว่าการสังหาร ด้านโฆษกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่าจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมาเสื่อมทรามไปมากกว่านี้ ขณะที่สมาคมช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองเมียนมาเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 783 คน และมีผู้ถูกควบคุมตัว 3,859 คน ทั้งนี้ รัฐบาลทหารเมียนมาต้องเผชิญกับเหตุระเบิดเล็ก ๆ เพิ่มมากขึ้นในหลายเมืองนับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และในบางพื้นที่ก็มุ่งเป้าโจมตีสถานที่ปฏิบัติงานของรัฐและสถานที่ทางการทหาร แม้ไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบ แต่กองทัพเมียนมาก็กล่าวโทษประชาชนที่ทำให้ประเทศไม่มั่นคง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น-อีสานอุณหภูมิลดลงอีกเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคอีสาน ส่วนภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก