เพิร์ท 23 เม.ย. – รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียประกาศล็อกดาวน์นครเพิร์ทและภูมิภาคพีลที่มีพรมแดนติดกันเป็นเวลา 3 วัน นับตั้งแต่เที่ยงคืนของวันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากพบชายออสเตรเลียคนหนึ่งมีผลตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นบวกหลังออกมาจากโรงแรมกักตัวในนครเพิร์ท
นายมาร์ค แมคโกแวน มุขมนตรีรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียแถลงผ่านโทรทัศน์ว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากใช้วิธีนี้เช่นกัน แต่จำเป็นต้องทำเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากเชื้อโควิด ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียคาดว่า ผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าวอาจติดเชื้อโควิดในช่วงที่กักตัวอยู่ในโรงแรมของนครเพิร์ท ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดในชุมชน เนื่องจากขณะนี้มีเชื้อโควิดกลายพันธุ์ที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อสูงมากขึ้น ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ของออสเตรเลียกำลังสืบสวนสาเหตุการติดเชื้อของผู้ป่วยคนดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน นายมาร์ติน โฟลีย์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า ผู้โดยสารที่เดินทางโดยเครื่องบินจากนครเพิร์ทมายังนครเมลเบิร์นจะถูกร้องขอให้กักตัว เนื่องจากชายออสเตรเลียที่ติดเชื้อโควิดได้โดยสารเครื่องบินจากนครเพิร์ทมายังบ้านของเขาในนครเมลเบิร์น หลังจากที่ออกมาจากโรงแรมกักตัวในนครเพิร์ท นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังได้ประกาศใช้มาตรการเข้มงวดด้านพรมแดนมากขึ้นด้วยการลดจำนวนผู้ที่เดินทางมาจากอินเดียและประเทศที่เป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19
ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลียใช้มาตรการปิดพรมแดนมาเป็นเวลาปีกว่า แต่อนุญาตให้พลเมืองและผู้พำนักถาวรส่วนใหญ่เดินทางเข้าประเทศได้ และต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วัน โดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาจากนิวซีแลนด์ที่ได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องกักตัว ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 29,500 คน และผู้เสียชีวิตเพียง 910 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว.-สำนักข่าวไทย