นิวยอร์ก 22 เม.ย. – องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า เมียนมากำลังเผชิญกับปัญหาความมั่นคงทางอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเหตุรัฐประหารและวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรง ซึ่งอาจทำให้ชาวเมียนมาหลายล้านคนประสบปัญหาอดอยากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
รายงานของโครงการอาหารโลก (WFP) ของยูเอ็นระบุว่า ชาวเมียนมาราว 3.4 ล้านคนจะต้องดิ้นรนเพื่อให้มีอาหารรับประทานในอีก 3 – 6 เดือนข้างหน้า และชาวเมียนมาที่อยู่ในเขตเมืองจะได้รับผลกระทบหนักสุด เนื่องจากปัญหาตกงานที่เพิ่มขึ้นในภาคการผลิต การก่อสร้าง และบริการต่าง ๆ รวมถึงราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น รายงานดังกล่าวยังระบุว่า ราคาข้าวและน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารตามท้องตลาดในเมียนมาเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 5 และร้อยละ 18 ตามลำดับนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าครัวเรือนในนครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของเมียนมา กำลังอดอาหารบางมื้อ กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยลง และมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ โครงการอาหารโลกได้วางแผนขยายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า เพื่อช่วยเหลือชาวเมียนมาราว 3.3 ล้านคน และขอระดมเงินบริจาคราว 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3,300 ล้านบาท)
นายสตีเฟน แอนเดอร์สัน ผู้อำนวยการโครงการอาหารโลกประจำเมียนมาระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้คนที่ยากจนในเมียนมากำลังตกงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่อาจหาซื้ออาหารได้ ประเทศต่าง ๆ จึงต้องร่วมกันช่วยเหลือชาวเมียนมาในทันที เพื่อบรรเทาความยากลำบากและป้องกันภาวะถดถอยด้านความมั่นคงทางอาหารที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เหตุรัฐประหารในเมียนมาทำให้ระบบธนาคารหยุดชะงักและธนาคารหลายแห่งต้องปิดบริการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่ไม่อาจดำเนินธุรกรรมทางการเงินและประชาชนก็ถอนเงินที่ฝากไว้ไม่ได้ นอกจากนี้ ชาวเมียนมาหลายคนยังต้องพึ่งเงินที่ส่งมาจากญาติในต่างประเทศ ขณะที่การนำเข้าและส่งออกส่วนใหญ่ก็หยุดชะงัก รวมถึงโรงงานหลายแห่งที่ต้องหยุดทำงานเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย