อังกฤษ 11 เม.ย. – พิธีฝังพระศพเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ จะจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเป็นการภายใน ที่โบสถ์ในพระราชวังวินด์เซอร์ วันที่ 17 เมษายนนี้ โดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน จะไม่เข้าร่วม เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกในราชวงศ์ได้เข้าร่วมมากที่สุด ท่ามกลางมาตรการคุมเข้มโควิด-19
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน จะไม่ได้เข้าร่วมพิธีฝังพระศพของเจ้าชายฟิลิป พระราชสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย ที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ในพระราชวังวินด์เซอร์ กรุงลอนดอน วันที่ 17 เมษายน หรือวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกในราชวงศ์ได้เข้าร่วมในพิธีนี้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ท่ามกลางมาตรการคุมเข้มป้องกันการระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเพียง 30 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกในราชวงศ์ รวมทั้งบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเจ้าชายแฮร์รี พระราชนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ทรงยืนยันจะเสด็จฯ กลับจากสหรัฐเพื่อการนี้ แต่พระชายาคือ เมแกน ไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย เนื่องจากกำลังตั้งครรภ์ ส่วนประชาชนทั่วไปถูกร้องขอให้เฝ้าชมพิธีและร่วมไว้อาลัยอยู่ห่างๆ
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ ทรงเผยแพร่คลิปพระราชดำรัส จากพระตำหนักไฮโกรฟ ชานกรุงลอนดอน ว่าสมาชิกทุกพระองค์ในราชวงศ์วินด์เซอร์ทรงระลึกถึงเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ เป็นอย่างมาก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงขอบใจและทรงซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งกับความปรารถนาดีของพสกนิกร และทรงเชื่อมั่นว่า เจ้าชายฟิลิปจะทรงปลาบปลื้มปีติเป็นอย่างมากเช่นกัน
ขณะที่สำนักมุรธาธรแห่งสหราชอาณาจักร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิธีฝังพระศพของเจ้าชายฟิลิป ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา สิริรวมพระชนมพรรษา 99 พรรษา ว่าจะมีขึ้นในวันที่ 17 เมษายนนี้ ที่ปราสาทวินด์เซอร์ ในมณฑลบาร์กเชอร์ ทางตอนกลางของเกาะอังกฤษ โดยจะเป็นไปอย่างเรียบง่ายที่สุด และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม ตามมาตรการทางสาธารณสุขของรัฐบาล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เมื่อวานนี้กองทหารเกียรติยศทั่วสหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศในเครือจักรภพ ตลอดจนบนเรือรบหลวง ร่วมกันยิงสลุต 41 นัด เป็นเวลา 41 นาที เพื่อถวายพระเกียรติและถวายความอาลัยแด่เจ้าชายฟิลิป ซึ่งทรงเป็นอดีตทหารเรือแห่งราชนาวีสหราชอาณาจักร ที่ตามธรรมเนียมของกองทัพถือเป็นการสูญเสีย “จอมพลแห่งราชนาวี” .-สำนักข่าวไทย