นิวเดลี 25 มี.ค. – อินเดียพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายวันสูงกว่า 50,000 คนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในขณะที่การระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นหลังครบรอบ 1 ปีที่อินเดียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เกือบ 54,000 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเกือบ 12 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 160,000 คน อินเดีย ซึ่งมีประชากรราว 1,300 ล้านคน เป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมสูงเป็นอันดับสามของโลก หลังบราซิลทำสถิติแซงขึ้นไปอยู่อันดับสอง รองจากสหรัฐในเดือนนี้ เนื่องจากอินเดียพบผู้ป่วยติดเชื้อลดลงในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคมจากที่พบผู้ป่วยติดเชื้อวันละเกือบ 100,000 คนในเดือนกันยายน ทั้งนี้ อินเดียได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา และในช่วงไม่กี่เดือนที่แล้วก็ยังอนุญาตให้จัดกิจกรรมส่วนใหญ่ได้ตามปกติ เช่น งานแต่งงาน เทศกาลทางศาสนา และการแข่งขันคริกเก็ต อย่างไรก็ดี หลายภูมิภาคของอินเดียต้องกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง โดยเฉพาะในรัฐมหาราษฏระ ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของอินเดียและเป็นรัฐที่มีการระบาดรุนแรง จนทำให้เจ้าหน้าที่ของทางการท้องถิ่นต้องสุ่มตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาที่ชุมชนแออัดในแถบชานเมืองของนครมุมไบที่เป็นเมืองเอกของรัฐดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน อินเดียเผยว่า ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนกว่า 53 ล้านคนแล้ว และในสัปดาห์นี้จะอนุญาตให้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปมีสิทธิฉีดวัคซีนได้ โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 300 ล้านคนภายในเดือนสิงหาคมนี้ ขณะที่หนังสือพิม์ฮินดูสถาน ไทม์ส ของอินเดียรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยนามว่า อินเดียจะหยุดขยายกำลังการส่งออกวัคซีนไปต่างประเทศ เนื่องจากต้องการเร่งการฉีดวัคซีนในประเทศก่อน แต่รัฐบาลอินเดียและสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียต่างปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย